26 พ.ย. 2568 กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคใต้ตอนล่าง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดพัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงได้เคลื่อนออกไปปกคลุมทะเลอันดามันตอนล่าง และช่องแคบมะละกา ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลางพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ขอให้ประชาชนในภาคใต้ตอนล่างยังคงต้องระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ฝนที่ตกสะสม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดย

เฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
จากการเฝ้าติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์กว่า 40 แห่งอย่างต่อเนื่อง ผมพบว่าภูมิทัศน์ของตลาดในปี 2568 ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลขผลประกอบการที่ปรับเปลี่ยน แต่เป็นเรื่องของแนวคิดและยุทธศาสตร์หลักที่กำหนดทิศทางของอุตสาหกรรม การทำความเข้าใจ “ใครคือผู้ชนะตัวจริง” ในปี 2568 จึงไม่ใช่แค่การดูรายได้หรือกำไรสูงสุด แต่เป็นการถอดรหัสว่า พวกเขากำลังทำอะไรแตกต่างออกไป และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจในยุคที่ผู้บริโภคมีความคาดหวังสูงขึ้น และโลกกำลังเคลื่อนเข้าสู่ความยั่งยืนอย่างเต็มตัว
ภูมิทัศน์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย 2568: ยุคแห่งความซับซ้อนและโอกาสเฉพาะทาง
หากมองย้อนไปถึงปี 2566-2567 ตลาดต้องเผชิญกับปัจจัยกดดันหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงสูง การฟื้นตัวของกำลังซื้อที่ยังไม่เต็มที่ และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้การตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ของผู้บริโภคมีความระมัดระวังมากขึ้น ขณะที่การแข่งขันในตลาดก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางภาวะโอเวอร์ซัพพลายในบางเซกเมนต์ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมบางทำเล
แต่ในปี 2568 นี้ เราเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกที่ชัดเจนขึ้นจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ รวมถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงด้านประชากรศาสตร์และพฤติกรรมผู้บริโภคที่ขับเคลื่อนให้เกิดความต้องการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบใหม่ๆ ผู้ประกอบการที่สามารถจับทิศทางและปรับกลยุทธ์ได้ทันท่วงทีเท่านั้นที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำ
กุญแจสู่ความสำเร็จในยุค 2568: ไม่ใช่แค่สร้าง แต่ต้อง “สร้างอย่างเข้าใจ”
จากการวิเคราะห์อย่างเจาะลึก ผมพบว่าผู้เล่นที่โดดเด่นในปี 2568 ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่การขยายโครงการจำนวนมาก แต่กลับให้ความสำคัญกับ 3 แกนหลักที่สำคัญ ได้แก่:
การปรับ Portfolio และการบริหารจัดการเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ (Portfolio Optimization & Capital Management):
บทเรียนจากปีที่ผ่านมาสอนให้เห็นว่าการมีเงินทุนที่แข็งแกร่งและคล่องตัวคือหัวใจสำคัญ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำไม่ได้พึ่งพารายได้จากการขายโครงการใหม่เพียงอย่างเดียว แต่เริ่มมีการกระจายความเสี่ยงและสร้างแหล่งรายได้ประจำ (Recurring Income) ผ่านธุรกิจให้เช่า โรงแรม หรือแม้กระทั่งการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ (REITs) เพื่อนำเงินมาลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพสูงกว่า สิ่งนี้ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินและลดความผันผวนจากภาวะตลาด ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือกรณีที่บริษัทใหญ่บางรายได้ใช้กลยุทธ์การปรับพอร์ตสินทรัพย์เมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้พวกเขามีสภาพคล่องและสามารถลงทุนเชิงรุกได้ในปีนี้ กลยุทธ์ การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่เน้นความยั่งยืนและมีผลตอบแทนสม่ำเสมอจึงเป็นเทรนด์สำคัญ
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ Niche Market และ Mega Trends (Niche & Mega Trend Product Development):
ตลาด Mass Market ทั่วไปกำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ แต่ตลาดเฉพาะทางกลับเติบโตได้ดี ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จกำลังหันมาโฟกัสกับการพัฒนาโครงการที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะกลุ่มมากขึ้น เช่น:
ที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงอายุ (Aging Society Living): ด้วยสังคมไทยที่ก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ โครงการที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุ การออกแบบที่เข้าถึงง่าย และบริการดูแลสุขภาพ จะเป็นที่ต้องการสูง
ที่อยู่อาศัยแนวสุขภาพและสุขภาวะที่ดี (Wellness & Health Residences): ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น โครงการที่มีพื้นที่สีเขียว สิ่งอำนวยความสะดวกด้านกีฬา และนวัตกรรมที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดี จะได้รับความนิยม
Smart Home & Smart Living Solutions: เทคโนโลยี Smart Home อสังหาฯ ไม่ใช่แค่ฟังก์ชันเสริม แต่เป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคยุคใหม่มองหา เพื่อความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และการประหยัดพลังงาน
Mixed-Use Development: โครงการขนาดใหญ่ที่ผสมผสานที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน พื้นที่ค้าปลีก และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน ยังคงเป็นแม่เหล็กดึงดูด ด้วยความสามารถในการสร้าง Ecosystem ที่ครบวงจรและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง
การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม (PropTech & Innovation):
ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน อสังหาฯ ไม่ใช่แค่คำพูดติดปาก แต่เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องลงทุนอย่างจริงจัง ตั้งแต่การนำ AI มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลตลาด การใช้ Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) ในการนำเสนอโครงการ การบริหารจัดการโครงการด้วย Big Data ไปจนถึงการใช้ Blockchain เพื่อความโปร่งใสในธุรกรรม การใช้เทคโนโลยีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และยกระดับประสบการณ์ลูกค้าให้เหนือกว่าคู่แข่ง
ถอดรหัสยุทธศาสตร์ผู้ชนะ 2568: บริษัทชั้นนำกำลังทำอะไร
แม้ว่าบทความต้นฉบับจะวิเคราะห์ผลประกอบการย้อนหลังไปถึงปี 2566 แต่ด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปีในวงการ ผมสามารถมองเห็นแนวทางที่บริษัทเหล่านี้กำลังปรับใช้เพื่อรับมือกับปี 2568 ที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง และหลายบริษัทกำลังจะเผยผลลัพธ์จากกลยุทธ์ใหม่นี้
ผู้นำที่เน้นการปรับพอร์ตและประสิทธิภาพ (The Portfolio & Efficiency Masters)
แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (Land & Houses): ยังคงเป็นที่ยอมรับในเรื่องของความมั่นคงทางการเงินและกำไรที่แข็งแกร่ง แม้ในปี 2566 จะเห็นรายได้จากการขายลดลง แต่การบริหารจัดการสินทรัพย์อย่างชาญฉลาด เช่น การขายโรงแรมเข้ากองทุน แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ในการสร้างผลกำไรสุทธิ และเพิ่มสภาพคล่องเพื่อรองรับการลงทุนในอนาค โดยในปี 2568 พวกเขายังคงมุ่งเน้นที่ตลาดบ้านเดี่ยวระดับบน และการสร้าง บ้านเดี่ยวทำเลดี ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยระยะยาว พร้อมกับการขยายพอร์ตธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน
ศุภาลัย (Supalai): โดดเด่นด้วยการกระจายความเสี่ยงทั้งประเภทโครงการและทำเลที่ตั้ง บริษัทนี้มักจะขยายไปยังจังหวัดรองที่มีศักยภาพ ทำให้ได้รับผลกระทบจากความผันผวนในกรุงเทพฯ น้อยกว่า ในปี 2568 ศุภาลัยยังคงยึดมั่นในกลยุทธ์นี้ พร้อมกับการพัฒนาโครงการที่เน้นคุณภาพคุ้มค่า และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาระดับกำไรที่สูง และเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับ การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่เน้นความสมดุล
ผู้ท้าชิงที่มุ่งเน้นนวัตกรรมและการเข้าถึงตลาด (The Innovation & Market Penetration Challengers)
เอพี (ไทยแลนด์) (AP (Thailand)): เป็นผู้เล่นที่เชี่ยวชาญตลาด คอนโดมิเนียมหรู และบ้านแนวราบในเมือง พวกเขาได้พิสูจน์ความสามารถในการทำยอดขายได้อย่างน่าประทับใจ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตอบโจทย์คนเมือง การใช้เทคโนโลยีในการขายและการตลาด รวมถึงการสร้างสรรค์ประสบการณ์ลูกค้าใหม่ๆ คือกุญแจสำคัญในปี 2568 เอพียังคงเป็นผู้นำในการนำเสนอ นวัตกรรมอสังหาริมทรัพย์ เพื่อชีวิตคนเมือง และขยายสู่โครงการ Mixed-Use มากขึ้น
แสนสิริ (Sansiri): กลายเป็นแชมป์รายได้รวมในปี 2566 และยังคงรักษาโมเมนตัมที่ดีไว้ได้ใน 2568 ด้วยความคล่องตัวในการปรับตัวและการสื่อสารการตลาดที่แข็งแกร่ง แสนสิริให้ความสำคัญกับทุกเซกเมนต์ ตั้งแต่ระดับพรีเมียมไปจนถึงโครงการที่เข้าถึงง่าย พร้อมกับการนำเสนอแนวคิดด้านความยั่งยืน (ESG) และการสร้างชุมชน (Community Living) ที่เป็นจุดแข็ง อสังหาฯ ESG และการออกแบบที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คือสิ่งที่แสนสิริให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC Asset Corporation): บริษัทนี้กำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นแถวหน้า ด้วยการมุ่งเน้นพัฒนาโครงการระดับไฮเอนด์ และการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง พวกเขาเข้าใจถึงความต้องการของตลาดกำลังซื้อสูง และสามารถส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับได้ดี ในปี 2568 SC Asset ยังคงเดินหน้าขยายพอร์ต พัฒนาอสังหาฯ พรีเมียม พร้อมกับการนำ PropTech เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและบริการหลังการขาย
ดาวรุ่งที่กำลังเร่งเครื่องและสร้างแรงกระเพื่อม (The Rising Stars & Disruptors)
เซ็นทรัลพัฒนา (Central Pattana – CPN): จากการเป็นผู้นำด้านศูนย์การค้าและโรงแรม CPN ได้ก้าวเข้ามาในตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายอย่างเต็มตัว และเริ่มเก็บเกี่ยวผลลัพธ์อันน่าทึ่งในปี 2566 ด้วยการเติบโตของรายได้จากการขายกว่า 103% ในปี 2568 CPN ยังคงเป็นผู้เล่นที่น่าจับตาในกลุ่ม Mixed-Use Development ที่ครบวงจร ซึ่งการเชื่อมโยงโครงการที่อยู่อาศัยเข้ากับศูนย์การค้าและโรงแรมในเครือ ทำให้เกิด Ecosystem ที่ดึงดูดทั้งผู้อยู่อาศัยและนักลงทุน ยิ่งกว่านั้นยังคงขยายการพัฒนาไปยังหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ เพื่อรองรับ การฟื้นตัวตลาดอสังหาฯ ในภาคการท่องเที่ยวและการลงทุนในภูมิภาค
ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (Origin Property): แม้จะเผชิญกับความท้าทายด้านกำไรในปี 2566 แต่ออริจิ้นยังคงเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นในเรื่องความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และการเข้าถึงทำเลสำคัญ พวกเขามีความคล่องตัวในการปรับกลยุทธ์และสามารถสร้างสรรค์โครงการใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ในปี 2568 ออริจิ้นยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการตามแนวรถไฟฟ้า และการขยายสู่ตลาดภูมิภาคที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ซึ่งเป็น ทำเลทอง อสังหาฯ ของประเทศ
เทรนด์สำคัญที่กำหนดทิศทางอสังหาริมทรัพย์ไทย 2568 และอนาคต
นอกเหนือจากกลยุทธ์ของบริษัทแล้ว ยังมีเมกะเทรนด์หลายประการที่นักลงทุนและผู้ที่สนใจควรจับตาอย่างใกล้ชิด:
ความยั่งยืนและการรับผิดชอบต่อสังคม (ESG & Sustainable Development): นี่ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นมาตรฐานใหม่ในการดำเนินธุรกิจ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างยั่งยืน การใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การออกแบบที่ประหยัดพลังงาน การบริหารจัดการขยะ และการมีส่วนร่วมกับชุมชน กำลังเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคและนักลงทุนให้ความสำคัญมากขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน บริษัทที่แสดงออกถึงความมุ่งมั่นในเรื่อง ESG อย่างจริงจัง จะได้รับความเชื่อมั่นและโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสีเขียว
เทคโนโลยี PropTech และ AI ในทุกมิติ: การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในวงการอสังหาริมทรัพย์จะทวีความเข้มข้นขึ้น ไม่ว่าจะเป็น AI ที่ช่วยในการวิเคราะห์ราคาตลาด การทำนายความต้องการของผู้บริโภค การใช้โดรนสำรวจที่ดิน การบริหารจัดการอาคารอัจฉริยะ (Smart Building Management) หรือแม้แต่การใช้ Big Data เพื่อปรับแต่งประสบการณ์ลูกค้าให้เป็นส่วนตัวมากขึ้น สิ่งเหล่านี้คือ นวัตกรรมอสังหาริมทรัพย์ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดความผิดพลาด
การฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยในภูมิภาค (Regional Housing Market Recovery): โครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ การกระจายตัวของเมือง และการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก จะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของ ตลาดที่อยู่อาศัย 2568 ในหัวเมืองใหญ่และพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ เช่น ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อสังหาริมทรัพย์ภาคตะวันออก จะยังคงเป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุนทั้งจากในและต่างประเทศ
การลงทุนคอนโดให้เช่า และตลาดที่อยู่อาศัยเพื่อการลงทุน: ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มมีเสถียรภาพ และการกลับมาของนักท่องเที่ยวและกลุ่ม Expat ทำให้ การลงทุนคอนโดให้เช่า ในทำเลที่ตั้งดีเยี่ยม (Prime Location) กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง ผู้ลงทุนเริ่มมองหาผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าที่มั่นคง รวมถึง Capital Gain ในระยะยาว
ความต้องการที่อยู่อาศัยขนาดเล็กและยืดหยุ่น (Compact & Flexible Living): ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ (Gen Z) และประชากรสูงวัย ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยขนาดเล็กลง ฟังก์ชันครบครัน และมีพื้นที่ใช้สอยที่ยืดหยุ่นสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความท้าทายที่ยังคงอยู่และโอกาสที่ต้องไขว่คว้า
แม้จะมีสัญญาณบวก แต่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2568 ก็ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทาย อาทิ อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ยังคงอยู่ในระดับสูง หนี้ครัวเรือนที่ยังเป็นประเด็นที่ต้องจับตา และความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม ในทุกความท้าทายย่อมมี โอกาสลงทุนอสังหาฯ ซ่อนอยู่ ผู้ประกอบการและนักลงทุนที่มีความเข้าใจตลาดอย่างลึกซึ้ง สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว และกล้าที่จะคิดนอกกรอบ จะเป็นผู้ที่สามารถคว้าโอกาสและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในยุคแห่งการพลิกโฉมนี้ ราคาอสังหาริมทรัพย์ ในบางทำเลอาจปรับฐานเพื่อสร้างโอกาสใหม่ ขณะที่ สินเชื่อบ้าน 2568 จะมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค หากภาครัฐมีมาตรการที่เหมาะสม
บทสรุปและคำเชิญ
ปี 2568 คือปีที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยไม่ได้แค่ “หายใจ” แต่กำลัง “เร่งเครื่อง” เพื่อสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ผู้ชนะไม่ใช่แค่ผู้ที่มีรายได้หรือกำไรสูงสุด แต่คือผู้ที่มีวิสัยทัศน์ นำเทคโนโลยีมาใช้ มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ และดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเชื่อว่าศักยภาพของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงมีอีกมาก เพียงแต่เราต้องมองหาโอกาสในจุดที่แตกต่างออกไป หากคุณเป็นผู้ประกอบการ นักลงทุน หรือผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยแห่งอนาคต การทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้คือสิ่งสำคัญที่สุด
หากท่านมีความสนใจที่จะเจาะลึกในรายละเอียดของแต่ละเทรนด์ หรือต้องการคำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ เพื่อวางแผนการลงทุนหรือพัฒนาโครงการในยุคแห่งการพลิกโฉมนี้ โปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อผู้เชี่ยวชาญของเรา เราพร้อมที่จะแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกและประสบการณ์ เพื่อให้ท่านก้าวสู่ความสำเร็จในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2568 และปีต่อๆ ไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน

