ตรังยังวิกฤต ดินสไลด์เหนือ น้ำตกหนานสะตอ ขณะน้ำป่าจากเขาบรรทัดทะลักท่วมพื้นที่ย่านตาขาวและอำเภอปะเหลียน

ตรังยังอ่วม ดินสไลด์เหนือน้ำตกหนานสะตอ น้ำป่าเขาบรรทัดทะลักท่วม ย่านตาขาว-อ.ปะเหลียน ระลอก2

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ภายในเขตเทศบาลตำบลย่านตาขาว อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วม ว่า ขณะนี้มีมวลน้ำหลากลงมาจากแนวเทือกเขาบรรทัด ไหลลงมาท่วมภายในเขตเทศบาลตำบลย่านตาขาวเป็นระลอกที่ 2 อย่างต่อเนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ตั้งแต่ช่วงเวลา 05.00 น. ส่งผลให้น้ำท่วมกระจายเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะเขตเทศบาล ระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นจากช่วงที่ผ่านมาอีกประมาณ 10 เซนติเมตร พื้นที่ลุ่มต่ำท่วมสูง 1-2 เมตร บางครัวเรือนท่วมจนมิดหลังคา ส่งผลให้เส้นทางสายหลัก ถนนตรัง–ปะเหลียน บริเวณหน้าตลาดย่านตาขาว มีน้ำท่วมขังในระดับที่รถยนต์ขนาดเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้

โดยสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น เนื่องจากยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีมวลน้ำจากเทือกเขาบรรทัดไหลลงมาสมทบไม่ขาดสาย ทำให้ระดับน้ำอาจเพิ่มสูงขึ้นอีก โดยทางอำเภอย่านตาขาวระบุว่า เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามระดับน้ำอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบเป็นระยะ พร้อมเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงให้เพิ่มความระมัดระวังในการเดินทางและติดตามประกาศจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ฝนที่ถล่มลงมาอย่างต่อเนื่อง ได้ส่งผลให้เกิดดินสไลด์ภูเขาพังเหนือน้ำตกหนานสะตอ บนเทือกเขาบรรทัด ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน ส่งผลให้มวลน้ำป่าสีแดงเข้ม ดินโคลน รวมทั้งต้นไม้ไหลทะลักลงคลองปะเหลียน ท่วมหลายตำบลในอ.ปะเหลียน และ อ.ย่านตาขาวซ้ำอีกครั้ง ถนนหลายสายถูกตัดขาด ระดับน้ำเพิ่มต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนและเร่งเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจ.ตรัง สรุปรายงานสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก พื้นที่จ.ตรัง ระหว่างวันที่ 19-15 พ.ย.2568 จำนวน 9 อำเภอ 57 ตำบล 7 เทศบาล 22 ชุมชน 330 หมู่บ้าน ส่งผลกระทบ 13,215 ครัวเรือน

อนาคตอสังหาริมทรัพย์ไทย 2568: ถอดรหัสยุทธศาสตร์ผู้ชนะในสมรภูมิการเปลี่ยนแปลง

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ไทยมากว่าทศวรรษ ผมได้เฝ้าสังเกตการณ์และวิเคราะห์พลวัตของตลาดมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมาซึ่งถือเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ บทเรียนจากปี 2566 ที่หลายฝ่ายต่างคาดหวังการฟื้นตัวอย่างเต็มกำลังแต่กลับต้องเผชิญกับภาวะชะลอตัวจากปัจจัยทางเศรษฐกิจภายในและภายนอกประเทศที่รุมเร้า นับเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนถึงความเปราะบางและท้าทายที่ยังคงสืบเนื่องมาจนถึงปี 2567 และเป็นรากฐานสำคัญในการทำความเข้าใจถึงภูมิทัศน์ของ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย 2568 ที่กำลังจะมาถึง

ปี 2568 ไม่ใช่ปีที่เราจะมองข้ามความผันผวนได้อีกต่อไป ผู้เล่นในตลาดไม่ว่าจะรายใหญ่หรือรายย่อยต่างต้องปรับตัวและพัฒนากลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อรับมือกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หากมองย้อนกลับไปถึงผลประกอบการของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์ที่หลายรายต้องเผชิญกับการหดตัวของรายได้และยอดขายในปี 2566 เราจะเห็นภาพการปรับตัวที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ บางบริษัทสามารถพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ในขณะที่บางแห่งยังคงดิ้นรนเพื่อหาจุดยืน วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงแนวโน้ม ทิศทาง และ กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ ที่สำคัญ เพื่อให้คุณก้าวทันการเปลี่ยนแปลงและคว้าโอกาสในตลาดปี 2568

ถอดบทเรียนจากอดีต สู่เส้นทางใหม่ปี 2568: ภาพรวมและปัจจัยขับเคลื่อน

ปี 2566 ถือเป็นปีแห่งความท้าทายอย่างแท้จริงสำหรับ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยรวม ตัวเลขรายได้รวมของบริษัทจดทะเบียนกว่า 40 แห่งที่ผมติดตามพบว่ามีการหดตัวลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแรงกดดันที่สะสมมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ กำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลง และภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลางลงล่างที่ได้รับผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ตลาดบนและกลุ่ม คอนโดมิเนียมหรู ยังคงรักษาโมเมนตัมได้ดีกว่าเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่สามารถฉุดรั้งภาพรวมทั้งหมดให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดได้

สำหรับปี 2568 นี้ ปัจจัยหลักที่เราต้องจับตาคือ อัตราดอกเบี้ยบ้าน ที่คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูง แม้ว่าธนาคารกลางหลายแห่งจะส่งสัญญาณการลดดอกเบี้ย แต่ผลกระทบต่อต้นทุนการเงินของทั้งผู้พัฒนาและผู้ซื้อยังคงเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทย ที่ขับเคลื่อนด้วยการท่องเที่ยวและภาคการส่งออกยังคงต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนจากเศรษฐกิจโลกและสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ การฟื้นตัวของกำลังซื้อที่แท้จริงจึงเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพของตลาด ความท้าทายเหล่านี้ทำให้ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับพอร์ตการลงทุน มองหา ทำเลทองอสังหาฯ ใหม่ๆ และตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น

เจาะลึกรายได้รวม: ใครคือผู้นำตัวจริงในสังเวียนแห่งการแข่งขัน

จากข้อมูลเชิงลึกที่เราได้วิเคราะห์ไว้ แม้ภาพรวมรายได้ของบริษัทอสังหาฯ ในปี 2566 จะมีการหดตัว แต่ก็มีบางบริษัทยังคงแสดงความแข็งแกร่งและเติบโตสวนกระแสได้ ซึ่งเป็นสัญญาณสำคัญถึงกลยุทธ์ที่เฉียบคมและฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มบริษัทที่สามารถกระจายพอร์ตการลงทุนไปยังธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (recurring income) เช่น โรงแรม ศูนย์การค้า หรืออาคารสำนักงานให้เช่า สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นเกราะป้องกันความผันผวนและเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญใน ตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการเช่า ในปี 2568

ในปี 2566 ชื่อของ แสนสิริ ยังคงเป็นผู้นำด้านรายได้รวม ด้วยการเติบโตที่โดดเด่นสะท้อนถึงการรุกตลาดอย่างต่อเนื่องและการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในหลากหลายเซ็กเมนต์อย่างมีประสิทธิภาพ ตามมาด้วยคู่แข่งคนสำคัญอย่าง เอพี (ไทยแลนด์) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการแข่งขันที่ดุเดือดในกลุ่มผู้นำตลาด ในขณะที่ ศุภาลัย และ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ก็ยังคงรักษาตำแหน่งสำคัญในตลาดได้ แสดงให้เห็นถึงแบรนด์ที่แข็งแกร่งและความเชื่อมั่นจากผู้บริโภค

สำหรับปี 2568 เราคาดการณ์ว่าการแข่งขันในกลุ่มผู้นำจะยิ่งเข้มข้นขึ้น ผู้ประกอบการจะไม่ได้แข่งขันกันที่ขนาดของรายได้เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงความสามารถในการสร้างความยั่งยืน การปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัล (PropTech) และการให้ความสำคัญกับหลัก ESG อสังหาฯ (Environmental, Social, Governance) ซึ่งไม่ใช่แค่เทรนด์แต่เป็นข้อกำหนดที่สำคัญในการสร้างความได้เปรียบในระยะยาว การลงทุนในนวัตกรรมและเทคโนโลยีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ลดต้นทุน และสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรในที่สุด

สมรภูมิยอดขาย: ใครคือมือปืนกระสุนทองแห่งวงการ

เมื่อพิจารณาที่รายได้จากการขาย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินงานของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภาพที่ปรากฏในปี 2566 ยิ่งสะท้อนถึงความท้าทายที่บริษัทส่วนใหญ่ต้องเผชิญ โดยรวมแล้วยอดขายของทั้ง 40 บริษัทที่ผมวิเคราะห์มีการหดตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ บ่งชี้ถึงกำลังซื้อที่ชะลอตัวและการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยที่ใช้เวลานานขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นบางรายก็ยังสามารถสร้างยอดขายได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ในสภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย

เอพี (ไทยแลนด์) ได้พิสูจน์ความเป็นมือหนึ่งด้านการขายในปี 2566 ด้วยยอดขายที่โดดเด่น ชี้ให้เห็นถึงความเข้าใจตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตรงจุด และกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่ง ในขณะที่ แสนสิริ ก็ไม่น้อยหน้า ด้วยการเติบโตของยอดขายที่น่าประทับใจ แสดงให้เห็นถึงพลังของแบรนด์และนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง ศุภาลัย และ เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ก็เป็นอีกสองบริษัทที่รักษาอันดับในกลุ่มผู้นำด้านยอดขายได้เป็นอย่างดี ด้วยการนำเสนอโครงการที่หลากหลายและมีคุณภาพ

สำหรับปี 2568 กลยุทธ์ด้านการขายจะยิ่งมีความสำคัญ ผู้ประกอบการจะต้องเน้นการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น บ้านเดี่ยวพร้อมอยู่ สำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ หรือคอนโดมิเนียมที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Smart Home และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน การนำ PropTech ไทย เข้ามาช่วยในการทำการตลาด การขาย และการบริหารจัดการลูกค้า (CRM) จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน การสร้างความแตกต่างด้วยการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ฟังก์ชันการใช้งานที่ยืดหยุ่น และการบริการหลังการขายที่เป็นเลิศ จะเป็นหัวใจหลักในการดึงดูดลูกค้าและสร้างยอดขายในยุคที่ผู้บริโภคมีข้อมูลในการตัดสินใจมากขึ้น

นอกจากนี้ การเข้าถึง สินเชื่อบ้าน ที่ยังคงเป็นความท้าทายสำหรับผู้ซื้อ ผู้ประกอบการอาจต้องร่วมมือกับสถาบันการเงินเพื่อเสนอแพ็กเกจสินเชื่อที่น่าสนใจ หรือพิจารณารูปแบบการซื้อขายที่ยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น การเช่าซื้อ (Rent-to-Own) เพื่อขยายฐานลูกค้า การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างประเทศก็จะเป็นอีกหนึ่งแรงหนุนสำคัญต่อยอดขาย โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวหลักและเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่มีความต้องการ ลงทุนอสังหาฯ สูงขึ้น

ศึกชิงกำไร: ผู้ชนะที่แท้จริงคือผู้ที่เก็บเงินเข้ากระเป๋าได้มากที่สุด

ท้ายที่สุดแล้ว ในโลกของธุรกิจ ผู้ชนะที่แท้จริงคือผู้ที่สามารถสร้างผลกำไรสุทธิได้อย่างยั่งยืน แม้จะมียอดขายหรือรายได้รวมที่สูง แต่หากต้นทุนสูงตามไปด้วยหรือมีการบริหารจัดการที่ไม่ดีพอก็อาจส่งผลให้กำไรลดลงหรือขาดทุนได้ ในปี 2566 ภาพรวมกำไรสุทธิของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ทั้ง 40 แห่งมีการหดตัวลง สะท้อนถึงแรงกดดันด้านต้นทุนการดำเนินงาน ต้นทุนการเงิน และการแข่งขันที่สูง ซึ่งทำให้หลายบริษัทต้องเผชิญกับภาวะขาดทุนต่อเนื่อง

แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ยังคงยืนหนึ่งในฐานะแชมป์ผู้ทำกำไรสูงสุดในปี 2566 ด้วยการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและพอร์ตการลงทุนที่หลากหลาย รวมถึงการรับรู้กำไรจากการขายสินทรัพย์บางส่วนเข้ากองทุน ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความชาญฉลาดในการปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อเพิ่มผลกำไร ในขณะที่ ศุภาลัย และ เอพี (ไทยแลนด์) ก็ยังคงทำกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมและโมเดลธุรกิจที่แข็งแรง แสนสิริ เองก็สร้างการเติบโตของกำไรสุทธิได้อย่างก้าวกระโดด สะท้อนถึงผลสำเร็จจากกลยุทธ์การขยายตลาดและการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น

สำหรับปี 2568 การสร้างผลกำไรจะเป็นโจทย์ที่ท้าทายยิ่งขึ้น ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจัดหาที่ดิน การออกแบบ การก่อสร้าง ไปจนถึงการตลาดและการขาย การควบคุมต้นทุนวัสดุก่อสร้างและแรงงาน การใช้เทคโนโลยี BIM (Building Information Modeling) เพื่อลดความผิดพลาดและเพิ่มความแม่นยำในการก่อสร้าง จะเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ การลดภาระหนี้สินและการบริหารจัดการกระแสเงินสดอย่างมีวินัย จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินและเพิ่มความสามารถในการทำกำไร

ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ และ เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ก็เป็นอีกสองบริษัทที่ยังคงรักษาระดับกำไรได้ดี แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการปรับตัวและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการต่างๆ นอกจากนี้ เซ็นทรัลพัฒนา ซึ่งกำลังรุกตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายอย่างจริงจัง ก็เริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนจากกลยุทธ์การ Synergy ภายในกลุ่มธุรกิจ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการเติบโตในอนาคต

บทสรุปและแนวโน้มสำหรับปี 2568: อสังหาริมทรัพย์สู่ยุคใหม่

จากการ วิเคราะห์อสังหาริมทรัพย์ อย่างละเอียด ผมมองว่าปี 2568 จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวครั้งสำคัญสำหรับ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ผู้ประกอบการที่ไม่สามารถปรับตัวได้ทันอาจต้องเผชิญกับความยากลำบาก ในขณะที่ผู้ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและกลยุทธ์ที่เฉียบคมจะสามารถคว้าโอกาสและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

แนวโน้มอสังหาฯ ที่สำคัญสำหรับปี 2568 คือ:
การกระจุกตัวของความต้องการในกลุ่มคุณภาพสูงและทำเลศักยภาพ: ตลาดระดับกลางลงล่างยังคงเผชิญความท้าทายจากกำลังซื้อที่จำกัด ในขณะที่โครงการคุณภาพสูงในทำเลที่โดดเด่นจะยังคงเป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงและนักลงทุน
ความยั่งยืนและ ESG: ผู้บริโภคและนักลงทุนจะให้ความสำคัญกับโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การออกแบบที่ประหยัดพลังงาน และการบริหารจัดการที่โปร่งใสมากขึ้น
PropTech และนวัตกรรม: การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการออกแบบ ก่อสร้าง การตลาด และการบริหารจัดการ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน
การปรับพอร์ตการลงทุน: ผู้ประกอบการจะหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) มากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย
ความร่วมมือและการควบรวมกิจการ: การแข่งขันที่รุนแรงอาจนำไปสู่การจับมือกันระหว่างบริษัทต่างๆ เพื่อสร้างความได้เปรียบ หรือแม้กระทั่งการควบรวมกิจการเพื่อสร้างขนาดและขีดความสามารถในการแข่งขัน

สำหรับนักลงทุนและผู้ที่สนใจ หุ้นอสังหาฯ น่าลงทุน ในปี 2568 ควรพิจารณาบริษัทที่มีความแข็งแกร่งทางการเงิน มีกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการรับมือกับความท้าทาย มีการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน และให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน การติดตาม ผลประกอบการบริษัทอสังหาฯ อย่างใกล้ชิดและการ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ตอบโจทย์เทรนด์ใหม่ๆ จะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ

ปี 2568 ไม่ใช่ปีสำหรับผู้ที่ไม่พร้อม แต่เป็นโอกาสทองสำหรับผู้ที่กล้าคิด กล้าเปลี่ยน และกล้าลงมือทำ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยกำลังก้าวสู่ยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย หากคุณพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงนี้

อย่ารอช้า! หากคุณกำลังมองหาโอกาสในการลงทุน หรือต้องการวางแผนกลยุทธ์เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2568 ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมที่จะให้คำปรึกษาเชิงลึกและโซลูชั่นที่ปรับให้เข้ากับความต้องการของคุณโดยเฉพาะ ติดต่อเราวันนี้เพื่อยกระดับการลงทุนของคุณไปอีกขั้น!