• Privacy Policy
  • Sample Page
News
No Result
View All Result
No Result
View All Result
News
No Result
View All Result

เวย์เปิดปากครั้งแรก! ตอบชัดหย่าหรือยัง—ทำไมไม่ไปเยี่ยมนานา เหตุผลสุดจุกอกจนแฟนๆ สะอึก!

admin79 by admin79
December 4, 2025
in Uncategorized
0
เวย์เปิดปากครั้งแรก! ตอบชัดหย่าหรือยัง—ทำไมไม่ไปเยี่ยมนานา เหตุผลสุดจุกอกจนแฟนๆ สะอึก!

เวย์ ไทเทเนียม ตอบเอง หย่าหรือยัง เผยทำไมไม่ได้ไปเยี่ยม นานา ภรรยาเลยเหตุผลจุกอก

จากกรณีกระแสสะพัดว่า นานา ไรบีนา หย่ากับ เวย์ ไทเทเนียม แล้ว ขณะที่ ดีเจดาด้า วรินดา เพื่อนสนิท ก็บอกว่าเคยได้ยินจากปากของ นานา เป็นปีแล้วว่า หย่ากับสามีด้วยเรื่องของธุรกิจนั้น

ด้านเพจดัง อย่างเพจ ท่านเปา ก็โพสต์ข้อความถึงเรื่องนี้เช่นกันว่า “ทนายสายหยุดยืนยัน ข่าวคลาดเคลื่อน! ย้ำว่า เวย์ – นานา “ไม่ได้หย่ากัน” แต่ฝั่ง “ดาด้า” เพื่อนสนิทของนานา กลับให้ข้อมูลยืนยันบอกว่า ทั้งคู่หย่ากันตั้งแต่ปีที่แล้ว”… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_10046226

ด้าน หนุ่ม กรรชัย กล่าวในเที่ยงวันทันเหตุการณ์ล่าสุดวันนี้ว่า “ได้มีโอกาสถาม เวย์ ไปเหมือนกันก็หน้าด้านอยากรู้โทรไปถาม เวย์ ก็บอกว่ายังไม่ได้หย่า ก็ถามว่าแล้วทำไมไม่ได้ไปเยี่ยมนานาเลย เขาบอกวันหนึ่งเขาจะออกมาพูด”

สุดยอดซูเปอร์คาร์แห่งปี 2025: เจาะลึกสมรรถนะ นวัตกรรม และความหรูหราที่ redefining วงการยานยนต์

ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์สมรรถนะสูงกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งของ “ซูเปอร์คาร์” จากเครื่องจักรที่เน้นพละกำลังดิบๆ สู่ผลงานทางวิศวกรรมที่หลอมรวมความเร็ว เทคโนโลยีล้ำสมัย และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2025 นี้ เรากำลังยืนอยู่บนจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่นวัตกรรมไฮบริดและระบบดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทอย่างมหาศาลในการกำหนดทิศทางของยนตรกรรมระดับพรีเมียม บทความนี้จะพาทุกท่านดำดิ่งสู่โลกของสุดยอดซูเปอร์คาร์แห่งยุค ที่ไม่เพียงแค่เร็วและแรง แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าทางวิศวกรรม และงานศิลปะที่ขับเคลื่อนได้จริง

Ferrari 296 GTB: ก้าวแรกสู่ยุคใหม่ของม้าลำพองไฮบริด V6

Ferrari 296 GTB ไม่ใช่แค่การแทนที่รุ่น 488 GTB หากแต่เป็นการประกาศจุดยืนครั้งสำคัญของแบรนด์ม้าลำพองในยุคแห่งยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริด ด้วยการนำเสนอขุมพลัง V6 เทอร์โบคู่ ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างกลมกลืน จนได้ฉายาว่า “Piccolo V12” หรือ V12 ขนาดเล็ก นี่คือสุดยอดนวัตกรรมที่ Ferrari บรรจงสร้างขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ทั้งเร้าใจและเข้าถึงได้ง่ายขึ้นในชีวิตประจำวัน แต่ยังคงไว้ซึ่ง DNA ของสนามแข่งอย่างไม่เสื่อมคลาย

ภายใต้ฝากระโปรงหลังของ 296 GTB บรรจุเครื่องยนต์ V6 ขนาด 2.9 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ที่ให้กำลังถึง 663 แรงม้า ซึ่งเป็นสถิติใหม่สำหรับเครื่องยนต์ V6 ของ Ferrari เมื่อผนวกเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าที่พัฒนาจากเทคโนโลยี F1 ให้กำลังเพิ่มอีก 167 แรงม้า ทำให้ได้พละกำลังรวมสูงสุดถึง 830 แรงม้า พร้อมแรงบิดมหาศาล 740 นิวตันเมตร ซึ่งสามารถส่งตรงไปยังล้อหลังผ่านเกียร์ 8 สปีดแบบคลัตช์คู่ การผสานพลังนี้ทำให้ 296 GTB สามารถพุ่งทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดเกิน 330 กม./ชม. พร้อมทั้งยังสามารถวิ่งด้วยโหมดไฟฟ้าล้วนได้ไกลถึง 25 กม. ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในเมือง หรือบริเวณที่จำกัดเสียง

การออกแบบภายนอกของ 296 GTB สะท้อนถึงปรัชญา “Form Follows Function” อย่างชัดเจน เส้นสายที่ไหลลื่น โฉบเฉี่ยว แต่แฝงไปด้วยหลักอากาศพลศาสตร์ที่ซับซ้อน ตั้งแต่ช่องดักอากาศขนาดใหญ่ที่ด้านข้าง ไปจนถึงสปอยเลอร์หลังแบบแอคทีฟที่ซ่อนตัวอยู่ และจะกางออกเมื่อต้องการแรงกดเพิ่มเติม สิ่งเหล่านี้ล้วนถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนสูงสุด พร้อมสร้างแรงกดมหาศาลเมื่อทำความเร็วสูง ไฟหน้าและไฟท้าย LED ที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้ความรู้สึกทันสมัยและดุดัน ขณะที่ภายในห้องโดยสารนั้น Ferrari ได้ผสมผสานความคลาสสิกเข้ากับความล้ำสมัยได้อย่างลงตัว ด้วยจอแสดงผลดิจิทัลขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางแดชบอร์ด และหน้าจอขนาดเล็กที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังพวงมาลัย ให้ข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดแก่ผู้ขับขี่ เบาะนั่งแบบสปอร์ตโอบกระชับและรองรับสรีระได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ผู้ขับขี่สามารถสัมผัสถึงการเชื่อมโยงกับรถได้อย่างเต็มที่

การขับขี่ 296 GTB ให้ความรู้สึกถึงความคล่องตัวและปราดเปรียวอย่างเหลือเชื่อ ด้วยแพลตฟอร์มใหม่ที่ลดน้ำหนักและเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวถัง การตอบสนองของพวงมาลัยที่คมกริบ และระบบเบรกที่แม่นยำ ทำให้ซูเปอร์คาร์คันนี้ไม่เพียงแค่ทรงพลัง แต่ยังควบคุมได้ง่ายและสนุกทุกการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นบนสนามแข่งหรือบนถนนสาธารณะ Ferrari 296 GTB จึงเป็นมากกว่าแค่รถซูเปอร์คาร์ แต่เป็นการลงทุนในยานยนต์แห่งอนาคต ที่จะกลายเป็นตำนานบทใหม่ของ Ferrari อย่างแน่นอน

Porsche 911 GT3 RS: ตำนานสนามแข่งที่ขับได้บนท้องถนน

Porsche 911 GT3 RS เป็นชื่อที่สั่นสะเทือนวงการยานยนต์มาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่หลงใหลในความบริสุทธิ์ของรถแข่งที่สามารถนำมาวิ่งบนท้องถนนได้ ในปี 2025 นี้ GT3 RS ยังคงยืนหยัดในฐานะหนึ่งในซูเปอร์คาร์ที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจและตรงไปตรงมาที่สุด ด้วยปรัชญาการออกแบบที่มุ่งเน้นสมรรถนะสูงสุดบนสนามแข่ง โดยไม่ประนีประนอมกับความสะดวกสบายที่ไม่จำเป็น นี่คือเครื่องจักรที่สร้างมาเพื่อคอซิ่งตัวจริง

หัวใจของ 911 GT3 RS คือเครื่องยนต์ Boxer 6 สูบนอนแบบไร้ระบบอัดอากาศ (Naturally Aspirated) ขนาด 4.0 ลิตร ที่ได้รับการปรับแต่งมาเป็นพิเศษ ให้กำลังสูงสุดถึง 520 แรงม้า และแรงบิด 470 นิวตันเมตร ที่สำคัญคือรอบเครื่องยนต์ที่สามารถลากได้สูงถึง 9,000 รอบต่อนาที มอบเสียงคำรามอันเป็นเอกลักษณ์และอัตราเร่งที่รุนแรงต่อเนื่อง การส่งกำลังผ่านเกียร์ PDK 7 สปีดที่รวดเร็วและแม่นยำ ทำให้ GT3 RS สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.2 วินาที และทำความเร็วสูงสุดที่ 312 กม./ชม. ตัวเลขเหล่านี้อาจดูไม่สูงเท่าคู่แข่งไฮบริดบางรุ่น แต่ประสบการณ์การขับขี่ที่บริสุทธิ์และดิบเถื่อนคือสิ่งที่ GT3 RS มอบให้

สิ่งที่ทำให้ GT3 RS แตกต่างอย่างแท้จริงคือการปรับแต่งเพื่อสมรรถนะสูงสุด อากาศพลศาสตร์ของรถได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ด้วยปีกหลังขนาดใหญ่ที่สามารถปรับองศาได้ (DRS-like system) ช่องระบายอากาศบนซุ้มล้อหน้า และดิฟฟิวเซอร์หลังขนาดใหญ่ ล้วนทำงานร่วมกันเพื่อสร้างแรงกด (Downforce) มหาศาล ช่วยให้รถยึดเกาะถนนได้ดีเยี่ยมในความเร็วสูง ช่วงล่างแบบสปอร์ตที่ได้รับการจูนมาอย่างละเอียด ระบบเบรกคาร์บอนเซรามิก (PCCB) ที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ให้ประสิทธิภาพการหยุดรถที่เหนือชั้น และน้ำหนักตัวที่เบาจากการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์และมาตรการลดน้ำหนักในทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นกระจกบางพิเศษ หรือการตัดทอนอุปกรณ์ภายในที่ไม่จำเป็น

ภายในห้องโดยสารของ 911 GT3 RS ถูกลดทอนความหรูหราออกไปเพื่อลดน้ำหนักและเพิ่มการเชื่อมโยงกับผู้ขับขี่ เบาะนั่ง Bucket Seat แบบสปอร์ตที่โอบกระชับร่างกาย พวงมาลัย Alcantara แบบแบนที่ให้การควบคุมที่แม่นยำ และจอแสดงผลที่เน้นข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญเป็นหลัก ทุกอย่างถูกออกแบบมาเพื่อมุ่งเน้นการขับขี่ในสนามแข่งเป็นสำคัญ การได้ขับ 911 GT3 RS คือประสบการณ์ที่ท้าทายและน่าตื่นเต้นอย่างแท้จริง คุณจะรู้สึกถึงทุกรายละเอียดของพื้นผิวถนน ทุกการตอบสนองของเครื่องยนต์และพวงมาลัย นี่คือรถที่ต้องการให้คุณเป็นส่วนหนึ่งของมัน และสำหรับนักสะสมหรือผู้ที่ต้องการสุดยอดซูเปอร์คาร์ที่เน้นการขับขี่แบบดิบๆ และมีศักยภาพในการเป็น “รถคลาสสิกในอนาคต” ที่จะเพิ่มมูลค่า 911 GT3 RS คือตัวเลือกที่ไร้ที่ติ

Lamborghini Huracan Tecnica: ความสมดุลที่ลงตัวระหว่างถนนและสนามแข่ง

Lamborghini Huracan Tecnica ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2022 ได้รับการวางตำแหน่งให้เป็นสะพานเชื่อมระหว่างรุ่น Huracan EVO ที่เน้นการใช้งานบนท้องถนน และรุ่น Huracan STO ที่มุ่งเน้นสนามแข่งอย่างสุดโต่ง ทำให้ Tecnica กลายเป็นซูเปอร์คาร์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการความเร้าใจในแบบฉบับ Lamborghini ที่สามารถขับขี่ได้ทั้งบนถนนหลวงและสัมผัสประสบการณ์ความเร็วในสนามแข่งได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นี่คือการเฉลิมฉลองของขุมพลัง V10 อันเป็นเอกลักษณ์ ก่อนที่ยุคแห่งการใช้พลังงานไฟฟ้าจะเข้ามาอย่างเต็มตัว

หัวใจของ Huracan Tecnica คือเครื่องยนต์ V10 หายใจเอง (Naturally Aspirated) ขนาด 5.2 ลิตร ที่ได้รับการปรับจูนมาจากรุ่น STO ให้กำลังสูงสุดถึง 640 แรงม้า และแรงบิด 565 นิวตันเมตร ด้วยพละกำลังอันมหาศาลนี้ Tecnica สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.2 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 325 กม./ชม. การส่งกำลังเป็นแบบขับเคลื่อนล้อหลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดคลัตช์คู่ ที่มอบการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วและดุดัน เสียงคำรามของเครื่องยนต์ V10 อันเป็นเอกลักษณ์คือสิ่งที่ทำให้ Tecnica โดดเด่นและสร้างอารมณ์ร่วมในการขับขี่ได้อย่างไร้ขีดจำกัด

การออกแบบภายนอกของ Tecnica นั้นได้รับแรงบันดาลใจจาก Aerodinamica Lamborghini Attiva (ALA) ของรุ่น Performante และ STO โดยมาพร้อมดีไซน์ที่ดุดันและสปอร์ตยิ่งขึ้น ด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน ช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ที่กันชนหน้าและหลังที่ได้รับการออกแบบใหม่ เพื่อเพิ่มแรงกดและปรับปรุงการไหลเวียนของอากาศ ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วลาย Damiso ที่ดูโฉบเฉี่ยว และท่อไอเสียแบบหกเหลี่ยมคู่ที่ให้เสียงคำรามอันทรงพลัง เมื่อรวมเข้ากับเส้นสายที่คมกริบและรูปทรงลิ่มอันเป็นเอกลักษณ์ของ Lamborghini ทำให้ Tecnica มีภาพลักษณ์ที่สะกดทุกสายตา

ภายในห้องโดยสารของ Tecnica ได้รับการตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง เบาะนั่งแบบสปอร์ตที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการขับขี่ด้วยความเร็วสูง แต่ยังคงความสะดวกสบายที่เพียงพอสำหรับการใช้งานบนท้องถนน จอแสดงผลดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้วสำหรับมาตรวัดความเร็ว และจอแสดงผลระบบสัมผัสขนาด 8.4 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงข้อมูลและฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย Tecnica ยังมาพร้อมระบบ LDVI (Lamborghini Dinamica Veicolo Integrata) ที่เป็นหัวใจสำคัญในการควบคุมการขับขี่ โดยทำหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่างๆ แบบเรียลไทม์ และปรับการตั้งค่าของรถในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการกระจายแรงบิด การควบคุมการทรงตัว และระบบบังคับเลี้ยวล้อหลัง เพื่อให้ได้สมรรถนะและเสถียรภาพสูงสุดในทุกสถานการณ์

สำหรับผู้ที่มองหาซูเปอร์คาร์ที่มอบความเร้าใจแบบดิบๆ ของเครื่องยนต์ V10 ที่กำลังจะกลายเป็นตำนาน พร้อมด้วยความสามารถในการใช้งานที่หลากหลาย Lamborghini Huracan Tecnica คือทางเลือกที่ลงตัวที่สุด เป็นการลงทุนในประสบการณ์การขับขี่อันล้ำค่าที่ยากจะหาได้จากรถรุ่นอื่นๆ ในอนาคตอันใกล้

McLaren Artura: นิยามใหม่ของซูเปอร์คาร์ไฮบริดน้ำหนักเบา

McLaren Artura คือหนึ่งในซูเปอร์คาร์ที่สำคัญที่สุดแห่งยุค ที่เปิดตัวในปี 2021 และยังคงความโดดเด่นอย่างมากในปี 2025 ในฐานะซูเปอร์คาร์ไฮบริดรุ่นแรกที่ผลิตจำนวนมากของ McLaren Artura ไม่ใช่แค่การปรับปรุงจากรุ่นก่อนหน้า แต่เป็นการสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ทั้งหมดบนแพลตฟอร์ม MCLA (McLaren Carbon Lightweight Architecture) ซึ่งเป็นโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์โมโนค็อกแบบใหม่ล่าสุด ที่ไม่เพียงเบา แต่ยังแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ Artura คืออนาคตของ McLaren ที่ผสานประสิทธิภาพสูงสุด การประหยัดพลังงาน และเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ

หัวใจของ Artura คือระบบส่งกำลังแบบไฮบริด Plug-in ที่ประกอบด้วยเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบคู่ ขนาด 3.0 ลิตร ที่ให้กำลังถึง 585 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 95 แรงม้า ผลลัพธ์คือพละกำลังรวมสูงสุด 680 แรงม้า และแรงบิด 720 นิวตันเมตร ซึ่งมอบอัตราเร่งที่น่าทึ่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 330 กม./ชม. สิ่งที่น่าประทับใจยิ่งกว่าคือความสามารถในการวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนได้ไกลถึง 30 กม. ซึ่งเหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองที่ต้องการความเงียบและไร้มลพิษ Artura ยังเป็นซูเปอร์คาร์ไฮบริดคันแรกที่มาพร้อมระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) และระบบเบรกแบบ Regenerative ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการชาร์จพลังงานกลับเข้าสู่แบตเตอรี่

การออกแบบของ Artura แสดงให้เห็นถึงปรัชญา “Performance by Design” ของ McLaren ได้อย่างชัดเจน เส้นสายตัวถังมีความเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความปราดเปรียวและหลักอากาศพลศาสตร์ที่ซับซ้อน ตั้งแต่ช่องดักอากาศขนาดใหญ่ ไฟหน้า LED ที่โฉบเฉี่ยว ไปจนถึงประตูแบบ Dihedral อันเป็นเอกลักษณ์ ที่มอบความรู้สึกพิเศษเมื่อเปิดออก ภายในห้องโดยสาร Artura มีความทันสมัยและเน้นการใช้งานที่ง่ายดาย ด้วยหน้าจอแสดงผลดิจิทัลขนาดใหญ่ที่พวงมาลัยและจอสัมผัสกลางสำหรับระบบ infotainment ที่รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto เบาะนั่งแบบ Clubsport ที่ผสมผสานความสบายและประสิทธิภาพการรองรับได้อย่างลงตัว วัสดุคุณภาพสูงและการประกอบที่ประณีตสะท้อนถึงงานฝีมือระดับพรีเมียม

ประสบการณ์การขับขี่ McLaren Artura คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความดุดันของซูเปอร์คาร์และความสะดวกสบายของรถยนต์สมัยใหม่ ด้วยน้ำหนักตัวที่เบาเพียง 1,498 กก. และช่วงล่างที่ได้รับการจูนมาอย่างยอดเยี่ยม ทำให้ Artura มีความคล่องตัวและตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว พวงมาลัยไฟฟ้าที่ให้ความรู้สึกแม่นยำและการสื่อสารที่ดีเยี่ยมกับพื้นผิวถนน ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นบนถนนคดเคี้ยวหรือในสนามแข่ง McLaren Artura ไม่เพียงแค่เป็นซูเปอร์คาร์ แต่ยังเป็นตัวแทนของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงทิศทางที่ McLaren จะก้าวไปในอนาคต สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในยานยนต์ที่นำเสนอประสิทธิภาพที่ไร้ขีดจำกัด ควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ Artura คือตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม

Maserati MC20: การกลับมาของความหรูหราสไตล์อิตาเลียนพร้อมสมรรถนะที่เหนือกว่า

Maserati MC20 คือการประกาศการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของแบรนด์ตรีศูลในตลาดซูเปอร์คาร์อย่างเต็มภาคภูมิ เปิดตัวครั้งแรกในปี 2020 และยังคงเป็นหนึ่งในซูเปอร์คาร์ที่น่าจับตามองที่สุดในปี 2025 โดย MC20 เป็นมากกว่าแค่รถยนต์ แต่เป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นคืนชีพของจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันและความหรูหราแบบอิตาเลียนที่ Maserati เคยเป็นมาในอดีต ด้วยการออกแบบที่สง่างาม เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และหัวใจสำคัญคือเครื่องยนต์ที่ Maserati พัฒนาขึ้นเอง ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี

หัวใจหลักของ MC20 คือเครื่องยนต์ “Nettuno” V6 เทอร์โบคู่ ขนาด 3.0 ลิตร ที่พัฒนาโดย Maserati เอง ด้วยเทคโนโลยีการจุดระเบิดแบบ Pre-chamber ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Formula 1 ทำให้ Nettuno มอบพละกำลังมหาศาลถึง 630 แรงม้า และแรงบิด 730 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ที่มีความหนาแน่นของกำลังสูงที่สุดในคลาส การส่งกำลังผ่านเกียร์ 8 สปีดคลัตช์คู่ ทำให้ MC20 สามารถพุ่งทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 325 กม./ชม. ตัวเลขเหล่านี้ตอกย้ำถึงศักยภาพที่แท้จริงของซูเปอร์คาร์คันนี้

โครงสร้างตัวถังของ MC20 สร้างขึ้นจากคาร์บอนไฟเบอร์โมโนค็อกทั้งคัน ทำให้มีน้ำหนักเบาเพียง 1,500 กิโลกรัม แต่ยังคงความแข็งแกร่งและปลอดภัยสูงสุด การออกแบบภายนอกของ MC20 โดดเด่นด้วยความเรียบง่ายแต่หรูหราและมีพลัง เส้นสายที่สะอาดตา ไร้ซึ่งปีกหรือช่องดักอากาศขนาดใหญ่ที่ดูหวือหวา แต่ยังคงไว้ซึ่งหลักอากาศพลศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม ประตูแบบปีกผีเสื้อ (Butterfly Doors) เป็นจุดเด่นที่เพิ่มความน่าตื่นตาตื่นใจและบ่งบอกถึงความเป็นซูเปอร์คาร์อย่างแท้จริง

ภายในห้องโดยสารของ MC20 เป็นการผสมผสานระหว่างความหรูหราแบบอิตาเลียนและความเรียบง่ายในสไตล์สปอร์ต ด้วยการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ หนัง Alcantara และโลหะคุณภาพสูง เบาะนั่งสปอร์ตโอบกระชับและให้ความสบาย จอแสดงผลดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้วสำหรับมาตรวัด และจอสัมผัสกลางสำหรับระบบ infotainment ที่ตอบสนองได้รวดเร็ว ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย MC20 ยังมาพร้อมระบบช่วงล่างแบบอิสระสี่ล้อ และระบบเบรกคาร์บอนเซรามิก (Carbon Ceramic Brakes) ที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ทำให้มั่นใจได้ถึงการควบคุมที่แม่นยำและประสิทธิภาพการหยุดรถที่เหนือชั้น

Maserati MC20 มีให้เลือกหลากหลายรุ่นเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน ได้แก่ MC20 Coupe ซึ่งเป็นรุ่นพื้นฐานหลังคาแข็ง MC20 Cielo (Spider) ซึ่งเป็นรุ่นเปิดประทุนหลังคาผ้าไฟฟ้าที่มอบประสบการณ์การขับขี่แบบเปิดโล่ง และรุ่น MC20 Notte Edition ที่เพิ่มความพิเศษด้วยการออกแบบที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ MC20 ไม่เพียงแค่เป็นซูเปอร์คาร์ที่น่าประทับใจในด้านสมรรถนะ แต่ยังเป็นงานศิลปะที่เคลื่อนไหวได้ และเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการซูเปอร์คาร์ที่มีเอกลักษณ์ หรูหรา และมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร เป็นการลงทุนในประวัติศาสตร์ที่กำลังถูกเขียนขึ้นใหม่ของ Maserati

Chevrolet Corvette C8: ซูเปอร์คาร์อเมริกันที่ท้าทายทุกขีดจำกัด

Chevrolet Corvette C8 ได้ปฏิวัติวงการยานยนต์อเมริกันนับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2019 และยังคงเป็นหนึ่งในซูเปอร์คาร์ที่สร้างความฮือฮาและมอบ “Value for Money” ที่ยากจะหาใครเทียบได้ในปี 2025 นี้ ด้วยการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Corvette นั่นคือการย้ายตำแหน่งเครื่องยนต์มาไว้ตรงกลางตัวรถ (Mid-engine) ซึ่งเป็นการออกแบบที่เคยเป็นเอกสิทธิ์ของซูเปอร์คาร์ยุโรปมาอย่างยาวนาน การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การปรับดีไซน์ แต่เป็นการยกระดับสมรรถนะ การควบคุม และภาพลักษณ์ของ Corvette ให้ก้าวไปอีกขั้น เพื่อแข่งขันกับคู่แข่งระดับโลกได้อย่างสมศักดิ์ศรี

หัวใจของ Corvette C8 คือเครื่องยนต์ LT2 V8 ขนาด 6.2 ลิตร แบบไร้ระบบอัดอากาศ ที่ให้พละกำลังสูงสุด 495 แรงม้า และแรงบิด 637 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดแบบคลัตช์คู่ (Tremec TR-9080) ที่เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทำให้ C8 สามารถเร่งความเร็วจาก 0-96.5 กม./ชม. (0-60 ไมล์/ชม.) ได้ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 312 กม./ชม. ตัวเลขเหล่านี้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า Corvette C8 สามารถมอบสมรรถนะที่เทียบเท่าซูเปอร์คาร์ยุโรปในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่ามาก

การย้ายตำแหน่งเครื่องยนต์มาไว้ตรงกลางส่งผลให้ C8 มีการกระจายน้ำหนักที่สมบูรณ์แบบขึ้นอย่างมาก มอบการทรงตัวและการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะในการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง การออกแบบภายนอกของ C8 มีความดุดันและทันสมัย ด้วยเส้นสายที่คมกริบ ไฟหน้า LED ที่เรียวยาวกลมกลืนไปกับตัวรถ ช่องดักอากาศขนาดใหญ่ที่ด้านข้าง และหลังคากระจกที่เผยให้เห็นเครื่องยนต์อันทรงพลัง นอกจากนี้ยังมีท่อไอเสียแบบสี่ชุดที่ติดตั้งอยู่ด้านท้าย และไฟท้าย LED คู่ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Corvette

ภายในห้องโดยสารของ C8 ได้รับการปรับปรุงคุณภาพและดีไซน์ให้มีความหรูหราและทันสมัยยิ่งขึ้น แผงหน้าปัดดิจิทัลขนาดใหญ่และจอสัมผัสกลางสำหรับระบบ infotainment ที่เอียงเข้าหาผู้ขับขี่ ทำให้การควบคุมสะดวกสบายและใช้งานง่าย เบาะนั่งแบบสปอร์ตที่โอบกระชับ และพวงมาลัยทรงสี่เหลี่ยมที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตและทันสมัย วัสดุที่ใช้ภายในห้องโดยสารได้รับการยกระดับให้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ C8 ไม่ได้มีดีแค่สมรรถนะ แต่ยังมอบความรู้สึกพรีเมียมในระดับเดียวกับซูเปอร์คาร์ชั้นนำ

ประสบการณ์การขับขี่ Corvette C8 นั้นน่าประทับใจอย่างยิ่ง มันให้ความรู้สึกคล่องตัวและกระฉับกระเฉงเกินกว่าที่คิดไว้สำหรับรถยนต์อเมริกัน พวงมาลัยที่ตอบสนองได้ดี และช่วงล่างที่สามารถปรับแต่งได้ (ด้วยระบบ Magnetic Ride Control) ทำให้ C8 สามารถเป็นได้ทั้งรถสปอร์ตที่สะดวกสบายสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน และรถแข่งที่ดุดันเมื่ออยู่บนสนาม Chevrolet Corvette C8 ไม่เพียงแค่เป็นซูเปอร์คาร์ที่สวยงามและทรงสมรรถนะ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญในการเปลี่ยนแปลง และเป็นข้อพิสูจน์ว่านวัตกรรมยานยนต์สามารถมาพร้อมกับราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ซูเปอร์คาร์อย่างแท้จริง

ในปี 2025 นี้ วงการซูเปอร์คาร์ได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมและความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการผสมผสานพลังงานไฮบริดเพื่อประสิทธิภาพและความยั่งยืน, การยกระดับเทคโนโลยีอากาศพลศาสตร์เพื่อสมรรถนะสูงสุด, หรือการนำเสนอความหรูหราและเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน ซูเปอร์คาร์เหล่านี้เป็นมากกว่ายานพาหนะ พวกมันคือผลงานศิลปะทางวิศวกรรมที่ขับเคลื่อนได้ เป็นเครื่องจักรที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์แห่งอนาคต และเป็นสุดยอดการลงทุนในประสบการณ์การขับขี่อันล้ำค่าที่ยากจะหาอะไรมาทดแทนได้ หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร หรือกำลังพิจารณาการลงทุนในยานยนต์ระดับตำนานแห่งอนาคต รถยนต์เหล่านี้คือจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบ อย่ารอช้าที่จะสัมผัสด้วยตัวคุณเอง หรือร่วมแบ่งปันความหลงใหลในสุดยอดซูเปอร์คาร์แห่งยุคกับเรา

Previous Post

โป๊ะแตกสนั่น! ‘นานา ไรบีนา’ ปลอมเอกสาร ปปง. อ้างบัญชีถูกอายัด สุดท้ายโดนผู้เสียหายเช็กหน่วยงาน—ยืนยันชัด ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้!

Next Post

เตือนด่วน! 4–6 ธ.ค. ไทยตอนบน–ภาคใต้ ฝนกระหน่ำเพิ่มขึ้น เสี่ยงฝนตกหนักหลายพื้นที่ รีบเช็กโซนเฝ้าระวัง!

Next Post
เตือนด่วน! 4–6 ธ.ค. ไทยตอนบน–ภาคใต้ ฝนกระหน่ำเพิ่มขึ้น เสี่ยงฝนตกหนักหลายพื้นที่ รีบเช็กโซนเฝ้าระวัง!

เตือนด่วน! 4–6 ธ.ค. ไทยตอนบน–ภาคใต้ ฝนกระหน่ำเพิ่มขึ้น เสี่ยงฝนตกหนักหลายพื้นที่ รีบเช็กโซนเฝ้าระวัง!

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • เคน ภูภูมิ ขอไม่เปิดเผยตัวเลขความเสียหายคาเฟ่ที่หาดใหญ่ ยืนยันสู้ต่อ เดินหน้าฟื้นฟูและปรับปรุงร้านใหม่
  • ‘จ๊ะ นงผณี’ เปิดพฤติกรรม ‘ผู้ชาย 3 ประเภท’ ที่มักโผล่ในข่าวฉาว เตือนสาวๆ ถ้าเจอแบบนี้ให้รีบหนีทันที!
  • “นายกฯ” นำคณะลงพื้นที่สงขลา–สตูล ถกแผนฟื้นฟูหลังน้ำท่วม พร้อมปฏิเสธตอบดราม่า นายกฯ อบจ.สงขลา ดูแคลน อส.
  • “กุญแจซอล” คุณแม่ลูก 5 เปิดภาพครอบครัวสุดอบอุ่น รายล้อมด้วยสามีและลูกๆ ทั้งหมด ดูมีความสุขสุดๆ
  • เช็กสถานะรับเงินเยียวยาน้ำท่วม 2568! เปิดขั้นตอนลงทะเบียนครบถ้วน พร้อม 4 รูปแบบการจ่ายเงินให้ผู้ประสบอุทกภัย

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.