• Privacy Policy
  • Sample Page
News
No Result
View All Result
No Result
View All Result
News
No Result
View All Result

ด่วน! บ่ายนี้ ปภ. โอนเงินเยียวยาน้ำท่วม 9,000 บาท เข้าแล้ว—ผู้ประสบภัยสุราษฎร์ฯ ปัตตานี สงขลา ยะลา สิงห์บุรี เตรียมเช็กบัญชี!

admin79 by admin79
December 3, 2025
in Uncategorized
0
ด่วน! บ่ายนี้ ปภ. โอนเงินเยียวยาน้ำท่วม 9,000 บาท เข้าแล้ว—ผู้ประสบภัยสุราษฎร์ฯ ปัตตานี สงขลา ยะลา สิงห์บุรี เตรียมเช็กบัญชี!

ปภ.อัพเดตการจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้-ภาคกลาง วันนี้โอนเพิ่มอีก 5 จว. ‘สุราษฎร์ธานี ปัตตานี สงขลา ยะลา สิงห์บุรี’

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) อัพเดตความคืบหน้าการจ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 แบบเหมาจ่ายในอัตราครัวเรือนละ 9,000 บาท ใน 4 รูปแบบ ดังนี้ 1.ที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขังไม่เกิน 7 วัน และทรัพย์สินได้รับความเสียหาย 2.ที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขังเกิน 7 วันขึ้นไป 3.ที่อยู่อาศัยประจำที่ถูกน้ำล้อมรอบจนส่งผลกระทบทำให้ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติติดต่อกันเกิน 7 วันขึ้นไป และ 4.ที่อยู่อาศัยประจำในอาคารสูงที่น้ำท่วมไม่ถึงชั้นที่ผู้ประสบภัยพักอาศัย แต่ส่งผลกระทบให้ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติ ติดต่อกันเกิน 7 วันขึ้นไป

สำหรับวันนี้ (3 ธ.ค.) เป็นครั้งที่ 3 ของการโอนเงินเยียวยา โดย ปภ.และธนาคารออมสินจะโอนเงินให้แก่ผู้ประสบภัยที่ลงทะเบียนและผ่านการตรวจสอบข้อมูลเรียบร้อยแล้ว รวม 70,044 ครัวเรือน แยกเป็น พื้นที่ภาคใต้ 4 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี ปัตตานี สงขลา ยะลา รวม 66,187 ครัวเรือน แบ่งเป็น สุราษฎร์ธานี 1,997 ครัวเรือน ปัตตานี 16,953 ครัวเรือน สงขลา 46,976 ครัวเรือน (หาดใหญ่ 5,178 ครัวเรือน) และยะลา 261 ครัวเรือน รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น 595,683,000 บาท และ พื้นที่ภาคกลาง 1 จังหวัด ได้แก่ สิงห์บุรี จำนวน 3,857 ครัวเรือน วงเงินทั้งสิ้น 34,713,000 บาท ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน โดยเงินจะโอนเข้าบัญชีผู้ประสบภัยในวันนี้ตั้งแต่เวลา 13.00 น.เป็นต้นไป

ปัจจุบัน ปภ.และธนาคารออมสินได้โอนเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยแล้ว 2 ครั้ง ใน 4 จังหวัดภาคใต้ ประกอบด้วย สงขลา นราธิวาส ปัตตานี และสตูล รวม 120,949 ครัวเรือน โดยที่ จ.สงขลา 71,343 ครัวเรือน (เฉพาะ อ.หาดใหญ่ 1,365 ครัวเรือน) จ.นราธิวาส 7,098 ครัวเรือน จ.ปัตตานี 14,642 ครัวเรือน และ จ.สตูล 26,501 ครัวเรือน รวม 1,088,541,000 บาท โอนเงินไม่สำเร็จจำนวน 3,088 ครัวเรือน เนื่องจากบัญชีไม่ปกติและอยู่ระหว่างรอการปรับปรุงข้อมูล โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งจ่ายเงินเยียวยาให้เร็วที่สุด

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนที่ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์ด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชน ติดต่อธนาคารใดก็ได้ เพื่อผูกบัญชีโดยเร็ว เพื่อให้การช่วยเหลือเยียวยาเป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุด และประชาชนสามารถตรวจสอบสถานะรับเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยช่วงฤดูฝน ปี 2568 ผ่านช่องทาง

สุดยอดซูเปอร์คาร์แห่งยุค 2025: ประสิทธิภาพอันเหนือชั้น ผสานนวัตกรรมแห่งอนาคต

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในแวดวงยานยนต์สมรรถนะสูงมานับทศวรรษ ผมได้เฝ้าสังเกตการณ์การเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการของ “ซูเปอร์คาร์” มาอย่างใกล้ชิด ยุคสมัยแห่งเครื่องยนต์สันดาปภายในล้วนๆ กำลังถูกท้าทายด้วยเทคโนโลยีไฮบริดและไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ทว่าหัวใจของการสร้างสรรค์ซูเปอร์คาร์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือการก้าวข้ามขีดจำกัดด้านวิศวกรรม การออกแบบ และประสบการณ์การขับขี่ ในปี 2025 นี้ ตลาดรถยนต์สมรรถนะสูงยังคงคึกคักไปด้วยนวัตกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจ ผสมผสานความแรงแบบดิบๆ เข้ากับความชาญฉลาดทางเทคโนโลยี ความประหยัด และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม บทความนี้จะพาทุกท่านไปสำรวจ 6 สุดยอดซูเปอร์คาร์ที่โดดเด่นที่สุด ซึ่งไม่เพียงแต่จะสร้างนิยามใหม่ให้กับคำว่า “ความเร็ว” แต่ยังรวมถึง “ความสมบูรณ์แบบ” ในทุกมิติของการขับขี่ จากมุมมองของนักสะสม ผู้หลงใหลความเร็ว และนักลงทุนในรถยนต์พรีเมียม รถยนต์เหล่านี้คือตัวแทนแห่งความก้าวหน้าและเป็นเครื่องสะท้อนรสนิยมอันเป็นเลิศ ที่พร้อมจะมอบประสบการณ์อันน่าตราตรึงใจให้กับผู้ครอบครอง

Ferrari 296 GTB: พลิกโฉมตำนาน V6 ด้วยพลังไฮบริด

ในโลกของซูเปอร์คาร์ปี 2025 ที่เทคโนโลยีไฮบริดกลายเป็นมาตรฐานใหม่ Ferrari 296 GTB ยังคงยืนหนึ่งในฐานะผู้บุกเบิกและผู้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับแบรนด์ม้าลำพอง เปิดตัวครั้งแรกในปี 2022 คันนี้ไม่ใช่แค่ซูเปอร์คาร์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกที่ใช้เครื่องยนต์ V6 ของ Ferrari เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเข้าสู่ยุคใหม่ของตระกูล GTB ที่ผสานประสิทธิภาพอันดุดันเข้ากับความยั่งยืนด้านพลังงานได้อย่างไร้ที่ติ

หัวใจหลักของ 296 GTB คือเครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบขนาด 2.9 ลิตร (หรือที่ Ferrari เรียกว่า “piccolo V12” ด้วยองศาเครื่องยนต์ 120 องศา ที่ให้เสียงอันไพเราะราวกับเครื่อง V12) ซึ่งให้กำลังมหาศาลถึง 653 แรงม้า (488 กิโลวัตต์) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 167 แรงม้า (123 กิโลวัตต์) ทำให้ได้พละกำลังรวมสูงสุดถึง 830 แรงม้า (619 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 740 นิวตันเมตร (546 ฟุต-ปอนด์) ตัวเลขเหล่านี้เองที่ผลักดันให้ 296 GTB ทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 2.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดถึง 330 กม./ชม. ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 8 สปีด (DCT) ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างพิถีพิถัน ทำให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น เพิ่มความเร้าใจในทุกช่วงความเร็ว ที่สำคัญคือความสามารถในการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนๆ ได้ไกลถึง 25 กม. (15 ไมล์) ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ในเมือง หรือการเดินทางในโซนที่จำกัดการปล่อยมลพิษ

ด้านการออกแบบภายนอก 296 GTB แสดงออกถึงวิวัฒนาการที่สวยงามจากรุ่น 488 GTB ด้วยเส้นสายที่พลิ้วไหวแต่ยังคงความดุดันตามแบบฉบับ Ferrari ไฟหน้าและไฟท้ายได้รับการออกแบบใหม่ให้ดูโฉบเฉี่ยวและล้ำสมัยยิ่งขึ้น กันชนหน้า-หลังที่ปรับปรุงใหม่ พร้อมช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ที่ด้านข้างตัวรถ ไม่เพียงแต่เพื่อความสวยงาม แต่ยังทำหน้าที่ระบายความร้อนและสร้างแรงกดตามหลักอากาศพลศาสตร์ได้อย่างยอดเยี่ยม แชสซีส์ที่สร้างจากวัสดุน้ำหนักเบาและการจัดวางเครื่องยนต์แบบวางกลาง (mid-engine) ยังช่วยให้ 296 GTB มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำและการกระจายน้ำหนักที่สมดุล มอบการควบคุมที่เฉียบคมและแม่นยำในทุกโค้ง

ภายในห้องโดยสาร 296 GTB สะท้อนปรัชญา “less is more” ด้วยการออกแบบที่เรียบง่าย ทันสมัย และเน้นผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง จอแสดงผลดิจิทัลขนาด 16 นิ้วที่อยู่ตรงกลางแดชบอร์ดทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางข้อมูลและความบันเทิง พร้อมจอแสดงผลขนาดเล็กที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังพวงมาลัย ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน เบาะนั่งสปอร์ตโอบกระชับสรีระ มอบการรองรับที่ดีเยี่ยมทั้งในการขับขี่ระยะทางไกลและการทะยานบนสนามแข่ง ด้วยประสิทธิภาพที่เหนือชั้นและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย Ferrari 296 GTB จึงไม่เป็นเพียงแค่รถ แต่เป็นงานศิลปะทางวิศวกรรมที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์และน่าจดจำที่สุดคันหนึ่งในตลาดซูเปอร์คาร์ปี 2025

Porsche 911 GT3 RS: อสูรกายสนามแข่งบนถนนจริง

ในโลกของยานยนต์สมรรถนะสูง คำว่า “RS” จาก Porsche หมายถึงบางสิ่งที่พิเศษยิ่งกว่า นั่นคือวิศวกรรมที่เน้นประสิทธิภาพในสนามแข่งเป็นหลัก ซึ่งถ่ายทอดมาสู่รถที่วิ่งบนถนนได้อย่างถูกกฎหมาย สำหรับปี 2025 Porsche 911 GT3 RS เจเนอเรชัน 992 ยังคงเป็นหนึ่งในซูเปอร์คาร์ที่สร้างความเร้าใจได้มากที่สุด ด้วยการผสมผสานมรดกอันยาวนานของ 911 เข้ากับเทคโนโลยีอากาศพลศาสตร์ที่ก้าวล้ำและสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ไร้คู่แข่ง มันคือบทเพลงสรรเสริญแด่การขับขี่ที่บริสุทธิ์และแท้จริง

หัวใจของ 911 GT3 RS คือเครื่องยนต์ 6 สูบนอน (Boxer) ขนาด 4.0 ลิตร แบบไร้ระบบอัดอากาศ (Naturally Aspirated) ที่ได้รับการปรับแต่งมาอย่างละเอียด ให้กำลังสูงสุด 525 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร แม้ในยุคที่เทอร์โบชาร์จเจอร์ครองตลาด การที่ Porsche ยังคงยึดมั่นในเครื่องยนต์ NA ใน GT3 RS แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในปรัชญาการตอบสนองที่ฉับไวและเสียงเครื่องยนต์ที่บริสุทธิ์เร้าอารมณ์ การส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ PDK 7 สปีดที่รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ ทำให้ 911 GT3 RS สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 3.2 วินาที และทำความเร็วสูงสุดถึง 315 กม./ชม. ตัวเลขเหล่านี้อาจดูไม่หวือหวาเท่าซูเปอร์คาร์ไฮบริด แต่ความพิเศษของ GT3 RS อยู่ที่ “ความรู้สึก” ในการขับขี่ที่หาตัวจับยาก

สิ่งที่ทำให้ 911 GT3 RS โดดเด่นอย่างแท้จริงคือการปรับแต่งเพื่อเพิ่มสมรรถนะในสนามแข่ง ทุกส่วนของรถได้รับการออกแบบเพื่อวัตถุประสงค์เดียวคือ “ความเร็ว” ระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตที่ปรับได้เต็มรูปแบบ เบรกคาลิปเปอร์แบบคาร์บอนเซรามิกขนาดใหญ่ที่ให้พลังการหยุดรถอย่างมหาศาล และที่โดดเด่นที่สุดคือแพ็คเกจอากาศพลศาสตร์ที่ไม่ธรรมดา ปีกหลังขนาดใหญ่ (swan-neck wing) ที่ปรับได้ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมด้วยระบบ DRS (Drag Reduction System) แบบเดียวกับที่ใช้ใน Formula 1 ช่วยเพิ่มแรงกด (downforce) ให้กับตัวรถได้อย่างมหาศาล ทำให้ GT3 RS ยึดเกาะถนนได้อย่างมั่นคงแม้ในความเร็วสูง การออกแบบช่องระบายอากาศและครีบต่างๆ รอบคันไม่ใช่แค่สวยงาม แต่ยังเป็นส่วนสำคัญในการจัดการกระแสลมเพื่อสร้างประสิทธิภาพสูงสุด

ภายในห้องโดยสารของ 911 GT3 RS ถูกลดทอนความหรูหราที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อลดน้ำหนักและเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด เบาะนั่ง Bucket Seat แบบสปอร์ตที่โอบกระชับผู้ขับขี่อย่างแน่นหนา พวงมาลัยแบบ Flat-Bottom ที่จับถนัดมือ และการใช้วัสดุ Alcantara รวมถึงคาร์บอนไฟเบอร์ทั่วทั้งห้องโดยสาร ล้วนตอกย้ำถึงความเป็นรถแข่งที่พร้อมจะพาคุณทะยานสู่เส้นชัย 911 GT3 RS ไม่ใช่แค่รถสปอร์ตที่ทรงพลัง แต่เป็นประสบการณ์การขับขี่ที่ท้าทายและน่าตื่นเต้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสกับขีดสุดของวิศวกรรมยานยนต์และประสบการณ์ในสนามแข่งที่แท้จริงในชีวิตประจำวัน มันคือซูเปอร์คาร์ในฝันของใครหลายคนที่หลงใหลในความบริสุทธิ์ของสมรรถนะและศาสตร์แห่งความเร็วที่ไร้การประนีประนอม

Lamborghini Huracan Tecnica: ความลงตัวระหว่างถนนและสนามแข่ง

ในปี 2025 Lamborghini Huracan Tecnica ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหาซูเปอร์คาร์ V10 ที่ผสานความดุดันตามแบบฉบับกระทิงดุเข้ากับความแม่นยำทางวิศวกรรมที่พร้อมลุยได้ทั้งบนถนนและในสนามแข่ง เปิดตัวครั้งแรกในเดือนเมษายน 2022 Tecnica ถูกวางตำแหน่งให้อยู่ระหว่าง Huracan EVO และ Huracan STO โดยมุ่งเน้นที่การเป็นรถยนต์ที่ “เทคนิคัล” สมชื่อ นั่นคือการปรับปรุงรายละเอียดทางวิศวกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้นในทุกมิติ

ภายใต้ฝากระโปรงหลังของ Huracan Tecnica คือขุมพลังเครื่องยนต์ V10 ขนาด 5.2 ลิตร แบบไร้ระบบอัดอากาศ (Naturally Aspirated) ที่ยกมาจาก Huracan STO ให้กำลังสูงสุด 640 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 565 นิวตันเมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจสำหรับรถขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 สปีด ที่ให้การตอบสนองที่รวดเร็วและกระฉับกระเฉง ทำให้ Tecnica สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 3.2 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 325 กม./ชม. เสียงคำรามของเครื่องยนต์ V10 ที่ไพเราะและดิบเถื่อนยังคงเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้แฟนๆ Lamborghini หลงใหล ไม่แพ้ประสิทธิภาพที่ได้รับ

ด้านดีไซน์ภายนอก Tecnica โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่ดุดันและสปอร์ตกว่ารุ่น Huracan ทั่วไปอย่างชัดเจน ด้วยการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่ง GT3 กันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่ที่เน้นหลักอากาศพลศาสตร์ กระจังหน้าขนาดใหญ่ และช่องระบายอากาศที่ปรับปรุงใหม่ ไม่เพียงแต่เพื่อความสวยงาม แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อนและสร้างแรงกดให้กับตัวรถ ฝากระโปรงหน้าคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาและปีกหลังแบบตายตัวที่มีขนาดใหญ่ขึ้น (แต่เล็กกว่า STO) ช่วยให้ Tecnica มีเสถียรภาพที่ดีเยี่ยมในความเร็วสูง ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วลาย Damiso ที่เป็นเอกลักษณ์ยังช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับรูปลักษณ์ภายนอก

ภายในห้องโดยสาร Huracan Tecnica ผสมผสานความหรูหราตามแบบฉบับ Lamborghini เข้ากับกลิ่นอายของรถแข่งอย่างลงตัว ด้วยการตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูงอย่าง Alcantara และคาร์บอนไฟเบอร์ เบาะนั่งแบบสปอร์ตที่ให้การรองรับที่ดีเยี่ยมทั้งในการขับขี่แบบปกติและการขับขี่ด้วยความเร็วสูง จอแสดงผลดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้วสำหรับมาตรวัดความเร็วที่สามารถปรับแต่งได้ และจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนต์ขนาด 8.4 นิ้วที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงข้อมูลและความบันเทิงได้อย่างสะดวกสบาย Lamborghini Dinamica Veicolo Integrata (LDVI) ซึ่งเป็นระบบควบคุมไดนามิกของรถยนต์ที่ชาญฉลาด ยังช่วยปรับการตอบสนองของเครื่องยนต์ ระบบกันสะเทือน และระบบขับเคลื่อนให้เหมาะสมกับสไตล์การขับขี่และสภาพถนน ด้วยความสมดุลระหว่างความดุดัน ความประณีต และประสิทธิภาพการขับขี่ที่น่าทึ่ง Lamborghini Huracan Tecnica จึงเป็นซูเปอร์คาร์ V10 ที่ยังคงสร้างความประทับใจได้อย่างล้นหลามในปี 2025 และเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสจิตวิญญาณของ Lamborghini อย่างแท้จริง

McLaren Artura: ยุคใหม่แห่งไฮบริดซูเปอร์คาร์น้ำหนักเบา

McLaren Artura ได้รับการยกย่องว่าเป็นก้าวสำคัญสำหรับแบรนด์สัญชาติอังกฤษนี้ โดยเป็นซูเปอร์คาร์ไฮบริดรุ่นแรกที่ไม่ได้อยู่ในตระกูล Ultimate Series เปิดตัวครั้งแรกในปี 2021 Artura ถือเป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของ McLaren ในการก้าวเข้าสู่ยุคแห่งพลังงานไฟฟ้า โดยยังคงรักษาปรัชญา “น้ำหนักเบา” และ “ประสิทธิภาพสูงสุด” เอาไว้ได้อย่างครบถ้วน ในปี 2025 Artura ยังคงเป็นตัวแทนของซูเปอร์คาร์ยุคใหม่ที่ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับประสบการณ์การขับขี่ที่น่าตื่นเต้นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

รากฐานของ Artura คือแพลตฟอร์มใหม่ที่เรียกว่า MCLA (McLaren Carbon Lightweight Architecture) ซึ่งเป็นโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์โมโนค็อกที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับรถยนต์ไฮบริด ทำให้ตัวรถมีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ แม้จะต้องแบกรับน้ำหนักของแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าก็ตาม สิ่งนี้คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ Artura ยังคงรู้สึกว่องไวและคล่องตัวตามแบบฉบับ McLaren ขุมพลังของ Artura คือระบบส่งกำลังแบบไฮบริดที่ล้ำสมัย ประกอบด้วยเครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบขนาด 3.0 ลิตร ที่ให้กำลัง 585 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 95 แรงม้า (70 กิโลวัตต์) ทำให้ได้พละกำลังรวมสูงสุดถึง 680 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 720 นิวตันเมตร

ด้วยน้ำหนักที่เบาและการทำงานร่วมกันอย่างลงตัวของระบบไฮบริด ทำให้ McLaren Artura สามารถทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 330 กม./ชม. ระบบเกียร์ SSG (Seamless Shift Gearbox) 8 สปีดที่ปรับแต่งมาเป็นพิเศษยังมอบการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วและไร้รอยต่อ สิ่งที่ทำให้ Artura โดดเด่นยิ่งขึ้นคือการเป็นซูเปอร์คาร์ไฮบริดคันแรกที่มาพร้อมกับระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) และระบบเบรกแบบ Regenerative ซึ่งช่วยดึงพลังงานจลน์กลับมาเก็บไว้ในแบตเตอรี่ เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานและลดการปล่อยมลพิษ

การออกแบบภายนอกของ Artura สะท้อนถึงปรัชญา “form follows function” ของ McLaren ด้วยเส้นสายที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง เน้นหลักอากาศพลศาสตร์ และความสวยงามเหนือกาลเวลา ไฟหน้า LED ที่โฉบเฉี่ยว ช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ที่ด้านข้างตัวรถ และท้ายรถที่ดูสะอาดตา ล้วนบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นในการสร้างประสิทธิภาพสูงสุด ภายในห้องโดยสาร Artura ยังคงรักษาความหรูหราและเทคโนโลยีที่ทันสมัย จอแสดงผลดิจิทัลขนาดใหญ่ที่ควบคุมด้วยสัมผัสเป็นศูนย์กลางของระบบอินโฟเทนเมนต์ พร้อมรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto เบาะนั่งแบบ Comfort หรือ Clubsport ให้เลือกตามความต้องการของผู้ขับขี่ McLaren Artura ไม่ได้เป็นเพียงแค่ซูเปอร์คาร์ไฮบริด แต่เป็นบทพิสูจน์ว่าประสิทธิภาพที่เหนือชั้น ความประหยัดน้ำมัน และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน มันคือซูเปอร์คาร์ที่เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ที่ถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่มีประสิทธิภาพสูง สร้างความตื่นเต้น และเป็นก้าวสำคัญสำหรับอนาคตของยานยนต์สมรรถนะสูง

Maserati MC20: การกลับมาของจิตวิญญาณแห่งสนามแข่ง

Maserati MC20 คือสัญลักษณ์ของการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของแบรนด์ตรีศูลสู่โลกของซูเปอร์คาร์เครื่องยนต์วางกลาง หลังจากห่างหายไปนานนับทศวรรษ MC20 ซึ่งย่อมาจาก “Maserati Corse 20” (Maserati Racing 2020) เป็นการประกาศจุดยืนที่ชัดเจนถึงความมุ่งมั่นของ Maserati ในการนำเสนอรถยนต์ที่เน้นประสิทธิภาพสนามแข่งและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยอย่างแท้จริง เปิดตัวครั้งแรกในปี 2020 และวางจำหน่ายในปี 2021 ในปี 2025 MC20 ยังคงเป็นหนึ่งในซูเปอร์คาร์ที่ดึงดูดสายตาและมอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าจดจำ

หัวใจหลักของ MC20 คือเครื่องยนต์ “Nettuno” V6 ทวินเทอร์โบขนาด 3.0 ลิตร ที่พัฒนาโดย Maserati เอง ด้วยเทคโนโลยีห้องเผาไหม้แบบ Twin-Combustion ซึ่งได้แรงบันดาลใจจาก Formula 1 ทำให้เครื่องยนต์บล็อกนี้ให้กำลังสูงสุดถึง 630 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 730 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 8 สปีด ไปยังล้อหลัง ทำให้ MC20 สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 325 กม./ชม. และเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 2.9 วินาที ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันมหาศาลของเครื่องยนต์ Nettuno ที่ Maserati พัฒนาขึ้นด้วยตัวเอง โดยไม่พึ่งพิงพันธมิตรแต่อย่างใด เป็นการตอกย้ำถึงเอกลักษณ์และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมของแบรนด์

โครงสร้างตัวรถของ MC20 สร้างขึ้นจากแชสซีส์คาร์บอนไฟเบอร์โมโนค็อกทั้งคัน ทำให้มีน้ำหนักเบาเพียง 1,500 กิโลกรัม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รถมีความว่องไวและคล่องตัวสูง การใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ไม่เพียงแต่ช่วยลดน้ำหนัก แต่ยังเพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้างและมอบความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม นอกจากนี้ MC20 ยังมาพร้อมระบบกันสะเทือนแบบอิสระทั้งสี่ล้อ (double-wishbone) และระบบเบรกคาร์บอนเซรามิกขนาดใหญ่ที่ให้พลังการหยุดรถอย่างมั่นใจ

การออกแบบภายนอกของ Maserati MC20 นั้นงดงามและเรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยความดุดันและหลักอากาศพลศาสตร์ที่ซับซ้อน ประตูแบบปีกผีเสื้อ (butterfly doors) ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เพียงแต่เพิ่มความสะดวกในการเข้า-ออก แต่ยังเป็นจุดเด่นที่ทำให้รถดูโดดเด่นไม่เหมือนใคร ภายในห้องโดยสาร MC20 ผสมผสานความหรูหราแบบอิตาเลียนเข้ากับความเรียบง่ายแบบรถแข่ง แผงหน้าปัดดิจิทัลและจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาดใหญ่เป็นศูนย์กลางของห้องโดยสาร พร้อมการตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง เช่น คาร์บอนไฟเบอร์และ Alcantara เบาะนั่งสปอร์ตโอบกระชับสรีระ มอบความสบายและการรองรับที่ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ระยะทางไกลหรือการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง

Maserati MC20 มีให้เลือกทั้งรุ่น Coupe ที่มาพร้อมหลังคาแข็ง และรุ่น Spider (เปิดประทุน) ที่มาพร้อมหลังคาผ้าแบบพับเก็บได้ ซึ่งให้ประสบการณ์การขับขี่แบบเปิดโล่งอันน่าตื่นเต้น ไม่ว่าจะเลือกแบบใด MC20 คือซูเปอร์คาร์ที่มอบความสมดุลระหว่างความหรูหราแบบอิตาเลียน ประสิทธิภาพอันดุดัน และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการซูเปอร์คาร์ที่แตกต่าง มีประวัติศาสตร์ และเป็นตัวแทนของการกลับมาของแบรนด์อันทรงเกียรติอย่าง Maserati

Chevrolet Corvette C8: ซูเปอร์คาร์อเมริกันที่เข้าถึงได้

สำหรับปี 2025 Chevrolet Corvette C8 ยังคงเป็นปรากฏการณ์ในวงการซูเปอร์คาร์ ด้วยการนำเสนอประสิทธิภาพระดับโลกในราคาที่ “เข้าถึงได้” อย่างน่าตกใจเมื่อเทียบกับคู่แข่งจากยุโรป การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดคือการย้ายเครื่องยนต์มาไว้ตรงกลางตัวรถ (mid-engine layout) ซึ่งเป็นการพลิกโฉมตำนาน Corvette อย่างสิ้นเชิง และยกระดับสมรรถนะไปอีกขั้น ทำให้ C8 ไม่ใช่แค่รถสปอร์ต แต่เป็นซูเปอร์คาร์ที่ท้าทายขนบเดิมๆ และเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการความตื่นเต้นโดยไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงจนเกินไป

หัวใจของ Chevrolet Corvette C8 คือเครื่องยนต์ LT2 V8 ขนาด 6.2 ลิตร แบบไร้ระบบอัดอากาศ (Naturally Aspirated) ที่ให้พละกำลัง 495 แรงม้า (หรือ 500 แรงม้าเมื่อติดตั้ง Performance Exhaust) และแรงบิด 637 นิวตันเมตร เครื่องยนต์บล็อกนี้ส่งกำลังไปยังล้อหลังผ่านเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 8 สปีด ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างพิถีพิถัน ทำให้ C8 สามารถเร่งความเร็วจาก 0-96.5 กม./ชม. (0-60 ไมล์/ชม.) ได้ในเวลาเพียง 2.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 312 กม./ชม. เสียงคำรามของเครื่องยนต์ V8 บล็อกใหญ่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ที่สร้างความเร้าใจให้กับผู้ขับขี่และผู้พบเห็น

การออกแบบภายนอกของ Corvette C8 นั้นโดดเด่นและทันสมัย ด้วยเส้นสายที่เฉียบคมและดุดัน ไฟหน้า LED ที่โฉบเฉี่ยวและกลมกลืนไปกับไฟโปรเจคเตอร์ กระจกหลังขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาเพื่อให้สามารถมองเห็นเครื่องยนต์ V8 ที่วางอยู่กลางลำได้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจ ช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ 7 ช่องรอบคัน ไม่เพียงแต่เสริมความสวยงาม แต่ยังทำหน้าที่ระบายความร้อนและจัดการกระแสลมตามหลักอากาศพลศาสตร์อย่างมีประสิทธิภาพ ท่อไอเสียจำนวน 4 ชุดที่ติดตั้งอยู่บริเวณด้านท้ายรถ และไฟท้ายแบบคู่ LED พร้อมไฟเลี้ยวแบบวิ่งตามทิศทางการเลี้ยว ล้วนบ่งบอกถึงความตั้งใจในการสร้างรถที่ดูหรูหราและมีสมรรถนะสูง

ภายในห้องโดยสารของ Corvette C8 ได้รับการปรับปรุงให้มีความทันสมัยและเน้นผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง แผงหน้าปัดดิจิทัลขนาดใหญ่ที่ปรับแต่งได้ พวงมาลัยสี่เหลี่ยม (square steering wheel) ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องนักบิน และหน้าจออินโฟเทนเมนต์แบบสัมผัสขนาดใหญ่ที่เอียงเข้าหาผู้ขับขี่ ทำให้การควบคุมฟังก์ชันต่างๆ เป็นไปอย่างสะดวกสบาย เบาะนั่งสปอร์ต GT1 และ GT2 ที่ให้การรองรับที่ดีเยี่ยมทั้งในการขับขี่แบบปกติและการขับขี่ด้วยความเร็วสูง พร้อมวัสดุคุณภาพสูงและการตัดเย็บที่ประณีต ยกระดับความรู้สึกพรีเมียมภายในห้องโดยสาร

Chevrolet Corvette C8 ไม่ใช่แค่ซูเปอร์คาร์ที่มีดีไซน์สวยเรียบหรู มีสมรรถนะสูง และทรงประสิทธิภาพ แต่ยังเป็นตัวเลือกที่มอบ “คุณค่า” ที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้ครอบครอง ด้วยราคาที่เข้าถึงได้มากกว่าซูเปอร์คาร์จากค่ายอื่น ทำให้ C8 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ซูเปอร์คาร์เครื่องยนต์วางกลางโดยไม่ต้องลงทุนมหาศาล มันเป็นซูเปอร์คาร์อเมริกันที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สามารถยืนหยัดทัดเทียมกับคู่แข่งระดับโลกได้อย่างสง่าผ่าเผยในปี 2025

บทสรุปและอนาคตของซูเปอร์คาร์

ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในโลกของซูเปอร์คาร์ ผมได้เห็นวิวัฒนาการที่ไม่หยุดนิ่งของยานยนต์เหล่านี้ ซูเปอร์คาร์แห่งปี 2025 ไม่ใช่แค่เรื่องของความเร็วสูงสุดหรืออัตราเร่งอีกต่อไป แต่เป็นการผสมผสานระหว่างสมรรถนะอันดุดัน เทคโนโลยีล้ำสมัย การออกแบบที่ไร้กาลเวลา และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างชาญฉลาด ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามาของระบบไฮบริดใน Ferrari 296 GTB และ McLaren Artura ที่ไม่ลดทอนความเร้าใจลงเลย หรือการรักษาปรัชญาเครื่องยนต์ไร้ระบบอัดอากาศอันบริสุทธิ์ของ Porsche 911 GT3 RS และ Lamborghini Huracan Tecnica ไปจนถึงการกลับมาอย่างสง่างามของ Maserati MC20 และการนำเสนอซูเปอร์คาร์ที่เข้าถึงได้จาก Chevrolet Corvette C8 ทุกคันล้วนเป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ยานยนต์ที่เหนือความคาดหมาย

สำหรับนักลงทุนและผู้ที่กำลังมองหา “การลงทุนในรถยนต์” ซูเปอร์คาร์เหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องจักรที่น่าหลงใหล แต่ยังมีศักยภาพในการรักษามูลค่า หรือแม้แต่เพิ่มมูลค่าในอนาคต หากได้รับการดูแลอย่างดีและเป็นรุ่นที่หายาก ด้วยนวัตกรรมที่กำลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไปสู่ยุคไฟฟ้าเต็มตัว รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในที่สมรรถนะสูงเหล่านี้อาจกลายเป็นของสะสมอันล้ำค่าในอนาคตอันใกล้

หากคุณเป็นหนึ่งในผู้หลงใหลในศาสตร์แห่งความเร็ว ความหรูหรา และนวัตกรรมยานยนต์ ผมขอเชิญชวนให้คุณสัมผัสกับประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นจากซูเปอร์คาร์เหล่านี้ ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหารถยนต์เพื่อขับขี่ในสนามแข่งเพื่อปลดปล่อยอะดรีนาลีน หรือเป็นรถยนต์คู่ใจสำหรับการเดินทางบนถนนที่ต้องการความแตกต่างและโดดเด่น ซูเปอร์คาร์ในรายชื่อนี้มีศักยภาพที่จะมอบประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน และนิยามใหม่ของคำว่า “ยานยนต์สมรรถนะสูง” สำหรับคุณอย่างแน่นอน อย่ารอช้าที่จะค้นพบโลกอันน่าทึ่งของซูเปอร์คาร์แห่งปี 2025 และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของตำนานบทใหม่ที่กำลังถูกจารึกขึ้น ณ บัดนี้!

Previous Post

โหดเกินมนุษย์! ฆ่าสุนัข 5 ตัว ยัดใส่กระสอบโยนทิ้งป่ายางริมถนน สะเทือนใจทั้งหมู่บ้าน!

Next Post

เสียหายพุ่ง 195 ล้าน! ตำรวจเปิดทุกข้อหา ‘นานา’—ไขปมทำไมก่อนหน้านี้ไม่ยอมมอบตัว เกิดอะไรเบื้องหลังกันแน่!?

Next Post
เสียหายพุ่ง 195 ล้าน! ตำรวจเปิดทุกข้อหา ‘นานา’—ไขปมทำไมก่อนหน้านี้ไม่ยอมมอบตัว เกิดอะไรเบื้องหลังกันแน่!?

เสียหายพุ่ง 195 ล้าน! ตำรวจเปิดทุกข้อหา ‘นานา’—ไขปมทำไมก่อนหน้านี้ไม่ยอมมอบตัว เกิดอะไรเบื้องหลังกันแน่!?

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • “ทนายเจมส์” ตั้งข้อสงสัย หลังมี 2 สายโทรอ้างเป็นน้องคนสนิทของ “นัทปง” โทรตามจี้ถามเรื่องพินัยกรรมกลางงานศพ!
  • “เสือโคร่งโตเต็มวัย” โผล่ที่ผารักษ์สลัดได จ.ปราจีนบุรี เจ้าหน้าที่ชี้เป็นพฤติกรรมตามธรรมชาติ เตือนประชาชนให้ระวังแต่ไม่ต้องตระหนก!!
  • ความเสียหายเศรษฐกิจจากน้ำท่วมหาดใหญ่ พุ่งคาดแตะแสนล้านบาท ขยะตกค้างทะลุ 1 ล้านตัน!
  • หัวหน้าเพื่อไทยโต้ข่าว ยืนยันไม่จริงเรื่องยื่นซักฟอก ขออย่าตื่นตระหนกตามกระแส ชี้ทุกอย่างต้องรอถามที่ประชุม ส.ส. ก่อน
  • โรงงานทำขนมจีนที่ อ.ปาย ระเบิดสนั่น! ชาวบ้านตกใจทั่วพื้นที่

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.