• Privacy Policy
  • Sample Page
News
No Result
View All Result
No Result
View All Result
News
No Result
View All Result

เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์ ทรุดหนักไม่พร้อมรับสาย “นานา” เครียดจนอาเจียน ลั่นสัมพันธ์ 30 ปีเจ็บที่สุดในชีวิต

admin79 by admin79
November 29, 2025
in Uncategorized
0
เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์ ทรุดหนักไม่พร้อมรับสาย “นานา” เครียดจนอาเจียน ลั่นสัมพันธ์ 30 ปีเจ็บที่สุดในชีวิต

จากกรณีข่าวดารา น. เบี้ยวเงิน หลอกลงทุน 400 ล้านบาท สุดท้าย นานา ไรบีนา หนึ่งในแก๊งนางฟ้าออกมายอมรับว่าเป็นตนเอง ล่าสุดหนึ่งในผู้เสียหายอย่าง เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์ ที่ออกมาไลฟ์ขายของ ซึ่งมีก็มีชาวเน็ตดเข้าไปถามถึงเรื่องราวที่เกิด สาวเจนี่ ก็ตอบไม่มีกั๊กว่า วันนี้ความสัมพันธ์ในกลุ่มอยู่ในจุดน้ำท่วมปาก ไม่มีใครโอเคกับอนาคต ถึงวันนั้นตนอาจจะล้มทั้งยืนเผยตอนรู้เรื่องช็อกตัวชา ผูกพันกันมา 30 ปี คุยกันทุกวันวันละ 3 เวลามากกว่าคุยกับแม่ตัวเอง รับเจ็บสุดในชีวิต “เอาจริง ๆ นะ เวลาเจนรักใครเจนก็จริง ก็จะลงลึกนิดนึงเวลาเรารักใคร ให้ใจเยอะมาก พอเราอินแล้วเราเจ็บมันก็เรียกคืนมาไม่ได้นะความรู้สึก เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละคะคุณตำรวจ ปล้นอะไรก็ไม่เหมือนกับปล้นหัวใจ เพราะมันเจ็บมาก ที่วันนี้ขำได้เพราะมันผ่านมาหลายวันแล้ว ไม่งั้นเจนก็เล่าไม่ได้เหมือนกัน

เมื่อเช้ายังตาบวมอยู่เลย คือมันจะมีบางวันที่อัปกับดาวน์มีขึ้นมีลงเหมือนคนคบกับแฟนแล้วอกหัก แฟนบอกเลิก เลิกแล้วเลิกอีก เจ็บ ๆ อยู่อย่างนั้น ก่อนจะมาไลฟ์ก็อ้วกไป 2 รอบ เครียดมาก มันเจ็บ ชีวิตจริงมันเจ็บมาก ต้องไลฟ์ไปด้วยยิ้มไปด้วย ยิ้มแห้ง ๆ (แต่อย่าร้องไห้แบบแห้ง?) อันนี้เราจะไม่พูดถึงเพราะพี่เป็นนักแสดงพี่รู้ว่ามันต้องร้องยังไง ความคิดมันออกมามันก็เลยเอ่ยเป็นวาจา จริง ๆ มันคือเสียงในหัวที่หมื่นล้านคำก็พูดไม่ได้จริง ๆ มันไม่มีคำจะพูดตอนนี้คือแพ้เสียงในหัวมากมันเป็นเสียงในหัวที่มีเพื่อนหลายคนอยู่พูดออกมาเยอะเดี๋ยวจะปิดไม่ทัน

ยังไม่รับเลย พี่หมดไปเยอะน้อง พี่ถึงมาไลฟ์ขายของอยู่นี่ไง เอาจริง ๆ นะจะตัวเงินกี่หลัก จำนวนเท่าไหร่มันก็ไม่เท่ากับความรู้สึก 30 ปีที่คบกันมาเจ็บมากมันมากกว่าใครบนโลกใบนี้ที่คบ มันเลยรู้สึกไงจะบอกว่าวันนี้เจนไม่รู้สึกเลยมันก็สตอเบอร์รี่ไปนิดนึง มันเจ็บ อีกอย่างนะเรื่องตัวเงินว่าใครโดนเท่าไหร่ อยากให้ทุกคนเลยจุดนั้น เพราะมูลค่าของมิตรภาพมันตีออกมาเป็นเงินไม่ได้ ต่อให้เจนจะเสียเงิน 1 บาท จากคนที่ใช้เวลาด้วยมา 30 ปี เจนก็จะเสียใจเท่ากับคน ๆ นึงที่เสียเงินเป็นร้อยล้านจริง ๆ ไม่อยากให้คนไปคิดว่าเจนเสียไปเท่าไหร่ ต้องเจ็บมากเจ็บน้อยความรู้สึกมันไม่ได้ตีตามราคาเงินวันนี้ทุกคนเจ็บเท่ากันหมดเพราะเขาคือคนที่เรารัก พูดเลยวันนี้มันเป็นมิตรภาพที่น้ำท่วมปาก จำนวนเงินมันก็เรื่องนึงนะ แต่อยากจะให้ทุกคนแยกแยะความเป็นเพื่อนและความไว้ใจ

ไม่รู้สึกเลยมันก็สตอเบอร์รี่ไปนิดนึง ไม่รู้ ตอบไม่ได้เลย มันไม่ใช่เจนคนเดียว เราต้องแคร์คนอื่นด้วย เราต้องฟังความเพื่อนๆ คนอื่นด้วย จะให้เจนนี่กระโดดลงไปคนเดียวมันก็ตลก วันนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องงอนกันขำๆ วันนี้มันกลายเป็นเรื่องที่มีคนเจ็บจริงๆ เดือดร้อนจริงๆ วันนี้เจนก็ต้องเลือกอะไรบางอย่างเพื่อให้ทุกคนสบายใจ ไม่ใช่แค่คนที่เรารักสบายใจ มันเจ็บกันไปหมด ทุกคนเจ็บหมด ทุกคนโดนหมด เจนโดนจนอ้วก เพราะมันเจ็บไปหมดเลย ในชีวิตไม่เคยเครียดจนอ้วกพุ่งออกมาแบบนี้เลย พยายามจะกินข้าวก็อ้วกออกมาอีก มันเจ็บแบบนั้น มันหนักมากจริงๆ ใช้คำว่าร้องไห้ไม่ได้ มันเจ็บจนคำว่าร้องไห้ก็ไม่พอ มันช็อกจริง ๆ

จุดแตกคือเจนโป๊ะเอง เพราะเจนสงสัยอะไรบางอย่างก็สงสัยจากท่านเปานี่แหละ ทำไมเขียนเยอะจังตอนแรกก็คิดว่าเราไม่น่าจะโดนหรอกเนอะก็สะกดจิตตัวเอง ไม่โดน ๆ พอรู้ว่าตัวเองก็โดน เชื่อไหม มันเหมือนล้มทั้งยืน มันชาไปหมด ณ ตอนนี้ยังคิดอยู่เลยว่าเราฝันไปรึเปล่า ไม่คิดเลยว่ามันคือเรื่องจริง มันชาเบอร์นั้นเลย คิดว่าเรื่องที่ได้ยินมามันไม่ใช่ความจริง พยายามจะมองให้ทุกอย่างมันโอเค ให้เพื่อนรักกัน ให้เพื่อนคุยกัน เคลียร์กันได้ แต่คือเรื่องราวมันเลยจุดนั้นไป แล้วบวกกับเราโดนเองด้วย พอเจ็บเอง ก็รู้สึกเอง คนรอบตัวเราก็เจ็บ เจนเลยรู้สึกว่าเจนต้องปกป้องเพื่อนบางคนที่เขาควรได้รับความยุติธรรม

แต่เราไม่ได้จะไปเหยียบซ้ำเขานะ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นความรัก ฟังชื่อก็รัก ได้ยินใครพูดใครถามก็รัก ต่อให้จะยังไงก็รัก ต่อให้เราจะเจ็บแต่เราก็ยังรัก เจนได้รู้ว่าวันนี้เจนได้รักใครเป็น เชื่อว่าความรักนี้ที่เจนให้กับเพื่อนมันเป็นความรักที่มันมาจากหัวใจเจนจริง ๆ ก็เท่านั้นเอง ความสัมพันธ์ที่มันเลย 20 ปี ต่อให้มันจะเลวร้ายขนาดไหนมันก็คือคนที่เรารัก และเจนเชื่อว่าคนที่เรารักด้วยหัวใจจริงๆ เราจะไม่ทำร้ายกัน ถึงแม้เจนจะพูดอะไรแล้วมันทำร้ายอีกคนนึงได้ เจนก็จะไม่พูดให้ไปทำร้ายจริงใจเขา มันเป็นความผูกพันที่เกินคำว่าเพื่อนจริง ๆ ต่อให้วันนี้อะไรจะเกิดขึ้น เจนก็พร้อมจะอยู่ข้าง ๆ เพื่อนนะ จริง ๆ ยังมีความรักและความจริงใจให้เขา มองเห็นเพื่อนเป็นครอบครัวเสมอ และไม่อยากให้ความผูกพันนั้นหายไป มันเป็นสิ่งที่ตีเป็นมูลค่าไม่ได้จริงๆ สำหรับเจนมันเป็นรักที่ไม่มีเงื่อนไขจริงๆ ที่ผ่านมาเจนอาจจะไม่ได้รู้จักกับคำว่ารักเลย จนมันเกิดเหตุการณ์นี้ มันคือรักจริงๆ แหละ มันหลายอารมณ์มาก มันมากกว่าทุกความสัมพันธ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตจนมันชาไปหมด แต่ก็ยังรักอยู่

ใครจะบอกว่าเจนโดนหักหลัง โดนหลอก เจนไม่อยากให้คนนอกมาตัดสินมาบอกว่าเหตุการณ์นี้เขาสมควรโดนอย่างนั้น เขาต้องได้รับผลแบบนั้น เจนไม่อยากให้มันเป็นเรื่องที่เป็นความสะใจของคนที่อยู่รอบข้าง เจนไม่อยากให้ใครมาดูถูกความรักของพวกเรา รวมถึงเพื่อน ๆ ที่มีให้เขาด้วยก็ฝากทุกคนเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่อยู่ในกลุ่มด้วยทุกคนเจ็บเหมือนกันหมดและทุกคนมีครอบครัว มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ และเจนก็ไม่เคยอิจฉากำลังใจที่ใครคนนึงจะต้องไปให้เขา เจนดีใจที่เขาได้รับกำลังใจ เขาควรมีคนที่จะได้คุยในทุก ๆ วัน ในวันที่ไม่มีเจนแล้ว หรือเพื่อนคนอื่น ๆ ที่คุยกับเขาแล้ว เจนก็พร้อมจะเสียสละความรู้สึกนั้นให้เขาอยู่

กับเด็ก ๆ เจนไม่ได้เจอเลย บางอย่างมันเกินความรับผิดชอบของเจนจริง ๆ เรื่องมันไม่ใช่เรื่องเจนคนเดียวด้วย อันนี้มันเป็นความรู้สึกของคนกลุ่มใหญ่แล้วเราเจ็บไปพร้อมๆ กัน สงครามนี้ไม่มีใครไม่บาดเจ็บเลย ทุกคนมีประสบการณ์ชีวิต มีคุณวุฒิ มีวัยวุฒิ วันนี้ทุกคนโตเต็มวัยแล้วจริงๆ สิ่งที่เจอมันเลยเป็นความรู้สึกจริง ๆ มันไม่ใช่อารมณ์มาเล่น ๆ วันนี้ต้องใช้คำว่าเราทุกคนใช้หัวใจเป็นเดิมพันมาตั้งแต่แรกแล้ว เรารักและเราก็ลงลึกไปในความรู้สึกนั้นมาก โดยเฉพาะตัวเจน มันเกินคำนั้นไปแล้ว เจนใช้จิตวิญญาณข้างในรักเขาเต็มสุดโต่งแบบที่เจนไม่คาดหวังว่าจะได้อะไรกลับคืนมาเลยรวมถึงเพื่อนด้วย ก็ยังอยากให้ทุกคนสนับสนุนเขาอยู่นะ เหตุการณ์วันนี้มันไม่ใช่เหตุการณ์ของคน ๆ เดียว ไม่ว่ามันจะกระทบใครบ้างก็ตาม เจนไลฟ์ก็มีจุดประสงค์จะช่วยคนอื่น เขาไลฟ์ก็ต้องช่วยคนอื่นเหมือนกัน วันนี้เหมือนเราทำงานกลุ่ม มันเห็นแก่ตัวไม่ได้

ภูมิทัศน์อสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2568: ถอดบทเรียนจากความผันผวน สู่กลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืน

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยมานานกว่าทศวรรษ ผมเฝ้ามองพลวัตของตลาดนี้ด้วยความเข้าใจในวัฏจักรและความซับซ้อนของมัน หากจะกล่าวถึงปี 2568 ภาพรวมที่ปรากฏมิใช่เพียงการเดินหน้าของปีปฏิทิน หากแต่เป็นการสะท้อนผลลัพธ์จากการต่อสู้กับมรสุมเศรษฐกิจในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบทเรียนอันเจ็บปวดของปี 2566 และช่วงเวลาแห่งการประคองตัวในปี 2567 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปัจจุบันจึงมิอาจมองข้ามสัญญาณเตือนภัยที่เคยดังขึ้น แต่ยังต้องค้นหาโอกาสใหม่ ๆ ในบริบทที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

ปี 2566 นับเป็นอีกหนึ่งปีที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไม่เป็นไปตามคาดการณ์ กระแสความคึกคักที่เคยปรากฏในช่วงปลายปี 2565 อันเป็นผลจากการฟื้นตัวหลังวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ดูเหมือนจะถูกสกัดไว้ด้วยปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจมหภาคที่ถาโถมเข้ามา ส่งผลให้ตลาดชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องกระทั่งช่วงไฮซีซันของไตรมาส 4 ก็ไม่สามารถสร้างโมเมนตัมที่แข็งแกร่งได้ เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2567 สถานการณ์ก็ยังคงทรงตัวด้วยความไม่แน่นอน โดยมีทั้งแรงหนุนและแรงฉุดที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้ประกอบการและผู้บริโภค การวิเคราะห์เชิงลึกจากข้อมูลของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 41 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จึงเป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจว่าใครคือ “ผู้รอด” และ “ผู้ชนะ” ตัวจริง และกลยุทธ์ใดบ้างที่ยังคงใช้ได้ผลในสมรภูมิปี 2568 นี้

จากมรสุมปี 2566 สู่ภูมิทัศน์ใหม่ปี 2568: การปรับตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย

ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางอย่างชัดเจน รายได้รวมของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ 41 แห่งดังกล่าวอยู่ที่ 371,560 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยราว 1.2% จากปี 2565 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่ดูเหมือนลดลงไม่มากนี้กลับซ่อนความท้าทายไว้เบื้องหลัง เพราะเมื่อเจาะลึกรายบริษัท เราพบว่ามีถึง 25 จาก 41 บริษัทที่มีรายได้รวมลดลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการกระจุกตัวของรายได้ในกลุ่มผู้เล่นรายใหญ่ไม่กี่ราย และความยากลำบากของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กในการรักษาส่วนแบ่งตลาด

บริษัทที่เผชิญกับรายได้รวมติดลบในระดับ 20% ขึ้นไป อาทิ แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์, อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท และ คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ ซึ่งต่างติดลบไปราว 28% เช่นเดียวกับ ไรมอน แลนด์ ที่ลดลงถึง 26% นอกจากนี้ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้, เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ และไซมิส แอสเสท ก็มีรายได้รวมลดลง 23%, 22% และ 21% ตามลำดับ แม้กระทั่งแลนด์แอนด์เฮ้าส์ หนึ่งในผู้นำตลาด ก็ยังคงมีรายได้รวมลดลง 18% สิ่งเหล่านี้บ่งชี้ว่า ไม่มีใครรอดพ้นจากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ชะลอตัว

หากมองย้อนไปที่ 10 อันดับแรกของบริษัทที่มีรายได้รวมสูงสุดในปี 2566 พบว่ามีถึง 5 บริษัทที่รายได้ลดลงจากปี 2565 ซึ่งนอกเหนือจากแลนด์แอนด์เฮ้าส์แล้ว เอพี (ไทยแลนด์) ก็มีรายได้ลดลงเล็กน้อยไม่ถึง 1% ขณะที่ศุภาลัยลดลง 10%, พฤกษา โฮลดิ้ง ลดลง 9% และออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ลดลง 4% ตัวเลขเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญสำหรับปี 2568 ว่าการพึ่งพารายได้จากช่องทางเดิมๆ อาจไม่เพียงพออีกต่อไป ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จำเป็นต้องพิจารณาโมเดลธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงการสร้างรายได้ประจำ (recurring income) จากอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์หรือบริการ เพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างความยั่งยืน

รายได้จากการขาย: ดัชนีชี้วัด “พลังขับเคลื่อนที่แท้จริง” ในปี 2566 และผลกระทบต่อปี 2568

แม้รายได้รวมจะสะท้อนภาพกว้าง แต่ “รายได้จากการขาย” คือดัชนีที่แท้จริงที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการตอบรับจากตลาดของโครงการที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นแกนหลักของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยโดยเฉพาะ เมื่อพิจารณาจากข้อมูลปี 2566 บริษัททั้ง 41 แห่งมีรายได้จากการขายรวมกัน 268,460 ล้านบาท ลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง 11% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีรายได้จากการขายรวมประมาณ 299,979 ล้านบาท ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ มีถึง 30 จาก 41 บริษัทที่เผชิญกับยอดขายที่ลดลง นี่คือสัญญาณที่ชัดเจนว่าความท้าทายไม่ได้จำกัดอยู่แค่รายได้รวม แต่ลงลึกถึงขีดความสามารถในการระบายสินค้าคงคลัง

บริษัทที่ประสบภาวะยอดขายตกต่ำอย่างรุนแรง อาทิ ไรมอน แลนด์ ที่รายได้จากการขายลดลงถึง 78% และ แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ ที่ลดลงเกือบ 40% แม้แต่แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ซึ่งเป็นที่รู้จักจากความแข็งแกร่งด้านการตลาด ก็ยังมียอดขายลดลงถึง 38% สะท้อนให้เห็นว่าแบรนด์ที่แข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในสภาวะตลาดที่อ่อนไหวนี้ เอพี (ไทยแลนด์) ซึ่งเป็นอันดับ 1 ในด้านยอดขาย ก็ยังคงมียอดขายลดลงเล็กน้อยที่ 2% สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ในกลุ่ม Top 10 ของบริษัทที่มีรายได้จากการขายสูงสุดนั้น มีถึง 8 บริษัทที่มียอดขายลดลง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการแข่งขันที่ดุเดือดและความยากลำบากในการปิดการขายในทุกระดับ

สำหรับปี 2568 ผู้พัฒนาอสังหาฯ จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การขายให้มีความยืดหยุ่นและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างแม่นยำยิ่งขึ้น การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการทำการตลาด, การนำเสนอโซลูชั่นทางการเงินที่ตอบโจทย์ความสามารถในการซื้อของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน, และการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่ม (value proposition) ที่ชัดเจน จะเป็นกุญแจสำคัญ การมองหาตลาดใหม่ๆ เช่น กลุ่มผู้ซื้อต่างชาติที่กำลังฟื้นตัว โดยเฉพาะจากจีนและประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงกลุ่มนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มองหาผลตอบแทนจากการเช่า ก็เป็นอีกแนวทางที่น่าจับตา

ถอดรหัสผู้ชนะตัวจริง: ผู้เล่นชั้นนำกับกลยุทธ์การฝ่าวิกฤต (จากผลงานปี 2566 สู่ปี 2568)

แม้ภาพรวมจะดูท้าทาย แต่ก็มีผู้เล่นบางรายที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและสร้างผลงานที่โดดเด่น

ในด้านรายได้รวมสูงสุดปี 2566:
อันดับ 1 แสนสิริ โกยไป 39,082 ล้านบาท เติบโต 12% แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเร่งโอนกรรมสิทธิ์และแผนธุรกิจที่ยืดหยุ่น
อันดับ 2 เอพี (ไทยแลนด์) 38,399 ล้านบาท แม้จะลดลงเล็กน้อย แต่ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้
อันดับ 3 ศุภาลัย 31,818 ล้านบาท ยังคงเป็นผู้เล่นหลักที่แข็งแกร่ง
อันดับ 4 แลนด์แอนด์เฮ้าส์ 30,170 ล้านบาท
อันดับ 5 พฤกษา โฮลดิ้ง 26,132 ล้านบาท

ในด้านรายได้จากการขายสูงสุดปี 2566:
อันดับ 1 เอพี (ไทยแลนด์) 36,927 ล้านบาท แสดงถึงความเชี่ยวชาญในการทำตลาดและปิดการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อันดับ 2 แสนสิริ 32,829 ล้านบาท โดยเป็นหนึ่งในสองบริษัทที่มียอดขายเติบโตถึง 7%
อันดับ 3 ศุภาลัย 30,836 ล้านบาท รักษาอันดับได้อย่างเหนียวแน่น
อันดับ 4 เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น พลิกขึ้นมาติด Top 5 ด้วยยอดขาย 23,370 ล้านบาท และเป็นอีกบริษัทที่มียอดขายเติบโตในแดนบวกที่ 13% ซึ่งสะท้อนกลยุทธ์การพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์และมีคุณภาพ
อันดับ 5 พฤกษา โฮลดิ้ง 22,357 ล้านบาท

และที่น่าจับตาคือ เซ็นทรัลพัฒนา ซึ่งกำลังเร่งเครื่องจากการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายหลายโครงการ ได้เริ่มเก็บเกี่ยวรายได้เข้ากระเป๋า โดยในปี 2566 มีรายได้จากการขายสูงถึง 5,835 ล้านบาท เติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 103% จากปี 2565 ความสำเร็จนี้บ่งชี้ถึงกลยุทธ์การขยายพอร์ตโฟลิโอสู่โครงการมิกซ์ยูส (Mixed-use projects) และการพัฒนาโครงการแนวราบและแนวสูงเพื่อขาย ควบคู่ไปกับธุรกิจศูนย์การค้าและโรงแรม

สำหรับปี 2568 ผู้เล่นที่แข็งแกร่งเหล่านี้จะยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของตลาด โดยพวกเขาจะยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการที่ดิน (land bank management) ที่มีประสิทธิภาพ, การพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์อสังหาริมทรัพย์ที่หลากหลาย, และการสร้างแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ การปรับตัวให้เข้ากับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของกลุ่มผู้บริโภค เช่น บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมที่มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น, คอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง, หรืออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดี จะเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด

กำไรสุทธิ: บทสรุปของความสำเร็จที่ยั่งยืนในปี 2566 และการคาดการณ์ปี 2568

ท้ายที่สุดแล้ว แม้การขายจะทำได้ดีเพียงใด หากไม่สามารถแปรเปลี่ยนเป็น “กำไรสุทธิ” ที่ยั่งยืน ก็มิอาจถือว่าเป็นผู้ชนะตัวจริงได้ ในปี 2566 บริษัททั้ง 41 แห่งทำกำไรสุทธิรวมกันได้ 44,165 ล้านบาท ลดลง 11% จากปี 2565 ที่ทำกำไรได้ราว 49,602 ล้านบาท ที่น่าเป็นห่วงคือ มีถึง 12 บริษัทที่ผลประกอบการขาดทุน ซึ่งบางรายขาดทุนต่อเนื่องมา 3-4 ปีตั้งแต่ช่วงโควิด และกว่า 20 บริษัทจาก 41 บริษัทมีผลกำไรลดลงจากปี 2565 แสดงให้เห็นถึงโครงสร้างต้นทุนที่สูงขึ้น, การแข่งขันด้านราคา, และความสามารถในการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน

10 อันดับแรกของบริษัทที่ทำกำไรสูงสุดในปี 2566:
อันดับ 1 แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ยังคงเป็นแชมป์เก่า แม้รายได้จะลดลงมาก แต่สามารถกวาดกำไรไปได้ถึง 7,495 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกำไรจากการขายโรงแรม 2 แห่งเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ นี่เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจของกลยุทธ์การบริหารจัดการสินทรัพย์ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ในยามตลาดผันผวน
อันดับ 2 ศุภาลัย 6,083 ล้านบาท แสดงถึงพื้นฐานที่แข็งแกร่งและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
อันดับ 3 เอพี (ไทยแลนด์) 6,054 ล้านบาท ตามมาอย่างเฉียดฉิว สะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรจากยอดขายที่สูง
อันดับ 4 แสนสิริ 5,846 ล้านบาท กำไรสุทธิเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 42% บ่งบอกถึงการควบคุมต้นทุนและการเร่งโอนกรรมสิทธิ์ที่ประสบความสำเร็จ
อันดับ 5 ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ 3,160 ล้านบาท แม้กำไรจะลดลง 25% แต่ยังคงรักษากลุ่มผู้นำไว้ได้

สำหรับปี 2568 ความสามารถในการทำกำไรจะยิ่งทวีความสำคัญ ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จะต้องให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุนในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจัดซื้อที่ดิน, ค่าก่อสร้าง, ค่าการตลาด, ไปจนถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน นอกจากนี้ การหาแหล่งรายได้อื่น ๆ นอกเหนือจากการขายโครงการใหม่ เช่น การบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์, รายได้จากค่าเช่าในโครงการเชิงพาณิชย์ หรือแม้กระทั่งการลงทุนในเทคโนโลยีอสังหาริมทรัพย์ (PropTech) จะเป็นแนวทางสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางการเงิน และยังเป็นจุดดึงดูดนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการผลตอบแทนที่ยั่งยืน

กลยุทธ์พลิกเกมสำหรับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2568

ปี 2568 จะเป็นปีแห่งการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์สำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไทย ท่ามกลางความท้าทายที่ยังคงอยู่ เช่น หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง, อัตราดอกเบี้ยที่อาจยังคงผันผวน, ต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้นจากราคาวัสดุและค่าแรงงาน, รวมถึงข้อจำกัดด้านสินเชื่อจากสถาบันการเงิน (LTV)

อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสใหม่ๆ ที่รออยู่สำหรับผู้ที่มองเห็นและกล้าที่จะปรับตัว:
การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน: โครงการเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐ โดยเฉพาะระบบคมนาคมขนส่ง จะยังคงสร้างทำเลทองใหม่ ๆ และกระตุ้นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตามแนวเส้นทาง
การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการลงทุนต่างชาติ: การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีนและกลุ่มนักลงทุนจากภูมิภาคเอเชีย ยังคงเป็นแรงหนุนสำคัญสำหรับตลาดคอนโดมิเนียมหรูและอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
ตลาดเช่า: ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากหันมาพิจารณาการเช่ามากกว่าการซื้อ ผู้พัฒนาสามารถหันมาสร้างโครงการที่ตอบโจทย์ตลาดเช่าระยะยาว
อสังหาริมทรัพย์เฉพาะกลุ่ม (Niche Segment): การพัฒนาโครงการที่เจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Elderly Care), อสังหาริมทรัพย์ที่ใส่ใจสัตว์เลี้ยง (Pet-Friendly), หรือโครงการที่เน้นสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Wellness Living) จะเป็นเทรนด์ที่มาแรง
เทคโนโลยีและนวัตกรรม: การนำ PropTech มาใช้ในการบริหารจัดการ, การตลาด, การขาย, และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน
ความยั่งยืนและ ESG: ผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Building), การใช้พลังงานทางเลือก, และการดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบธรรมาภิบาล (ESG) จะได้รับความเชื่อมั่นจากทั้งผู้ซื้อและนักลงทุน

สรุปและบทเรียกดำเนินการ

ปี 2568 มิใช่ปีที่ง่ายดายสำหรับอสังหาริมทรัพย์ไทย แต่ก็มิใช่ปีที่ปราศจากโอกาส ผู้ประกอบการที่สามารถถอดบทเรียนจากความผันผวนของปี 2566 และ 2567, มีวิสัยทัศน์ในการปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับบริบทใหม่, และมีความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรม จะเป็นผู้ที่สามารถยืนหยัดและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

หากท่านคือหนึ่งในผู้เล่นในวงการอสังหาริมทรัพย์ หรือผู้ที่กำลังพิจารณาโอกาสการลงทุนในตลาดที่เปี่ยมด้วยพลวัตแห่งนี้ การทำความเข้าใจเชิงลึกในปัจจัยขับเคลื่อนและกลยุทธ์ของผู้ชนะตัวจริง พร้อมทั้งการวางแผนอย่างรอบคอบและปรับตัวอย่างรวดเร็ว คือหัวใจสำคัญสู่ความสำเร็จและความยั่งยืนในภูมิทัศน์อสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2568 และในอนาคตที่กำลังจะมาถึงนี้

Previous Post

แม่วัย 61 ปีร่ำไห้ใจสลาย ถูกลูกชายหลอกเอารถไปขาย ก่อนถูกมิจฉาชีพเชิดรถหนี

Next Post

ค่ำคืนมืดสนิทในเขต 8 หาดใหญ่ น้ำแห้งแล้วแต่ไฟยังไม่มา ชาวบ้านพึ่งแสงเทียน–มือถือ ท่ามกลางเสียงบ่นร้านค้าขึ้นราคาเทียน

Next Post
ค่ำคืนมืดสนิทในเขต 8 หาดใหญ่ น้ำแห้งแล้วแต่ไฟยังไม่มา ชาวบ้านพึ่งแสงเทียน–มือถือ ท่ามกลางเสียงบ่นร้านค้าขึ้นราคาเทียน

ค่ำคืนมืดสนิทในเขต 8 หาดใหญ่ น้ำแห้งแล้วแต่ไฟยังไม่มา ชาวบ้านพึ่งแสงเทียน–มือถือ ท่ามกลางเสียงบ่นร้านค้าขึ้นราคาเทียน

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Recent Posts

  • “ทนายเจมส์” ตั้งข้อสงสัย หลังมี 2 สายโทรอ้างเป็นน้องคนสนิทของ “นัทปง” โทรตามจี้ถามเรื่องพินัยกรรมกลางงานศพ!
  • “เสือโคร่งโตเต็มวัย” โผล่ที่ผารักษ์สลัดได จ.ปราจีนบุรี เจ้าหน้าที่ชี้เป็นพฤติกรรมตามธรรมชาติ เตือนประชาชนให้ระวังแต่ไม่ต้องตระหนก!!
  • ความเสียหายเศรษฐกิจจากน้ำท่วมหาดใหญ่ พุ่งคาดแตะแสนล้านบาท ขยะตกค้างทะลุ 1 ล้านตัน!
  • หัวหน้าเพื่อไทยโต้ข่าว ยืนยันไม่จริงเรื่องยื่นซักฟอก ขออย่าตื่นตระหนกตามกระแส ชี้ทุกอย่างต้องรอถามที่ประชุม ส.ส. ก่อน
  • โรงงานทำขนมจีนที่ อ.ปาย ระเบิดสนั่น! ชาวบ้านตกใจทั่วพื้นที่

Recent Comments

  1. A WordPress Commenter on Hello world!

Archives

  • December 2025
  • November 2025

Categories

  • Uncategorized

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.

No Result
View All Result

© 2025 JNews - Premium WordPress news & magazine theme by Jegtheme.