“สมศักดิ์” พ่อของ “ภราดร” รัฐมนตรีสำนักนายกฯ โพสต์ซึ้งให้กำลังใจลูกชาย หลังปิดไมค์ลุกหนีสื่อไม่ตอบคำถามขอโทษน้ำท่วม ยันลูกไม่ผิด แค่ไม่ถูกใจ สื่อบางคนคนในสังคมบางคนเท่านั้น ย้ำทองแท้ไม่กลัวไฟ ขอให้พิสูจน์ตัวเองต่อ รอต้อนรับฟ้าใหม่หลังคืนมืด จะท้าทายอย่างทระนง
วันที่ 28 พ.ย. 2568 จากกรณีที่ นายภราดร ปริศนานัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ ปิดไมค์เดินหนีหลังสื่อถามเรื่องน้ำท่วมหาดใหญ่
ล่าสุด ’สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล’ อดีต สส.อ่างทอง ซึ่งเป็น ’พ่อ’ นายภราดร ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “#จับจิต เห็นภาพนี้ของลูกชายแล้ว เห็นใจอย่างจับจิต เข้าใจทั้งความรู้สึกของสื่อ สังคม และของลูก ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง ทุกคนย่อมมีสิทธิที่จะตั้งคำถามเพื่อคลายความข้องใจ ทุกคนที่เป็นแหล่งข่าวมีสิทธิที่จะเลือกตอบหรือไม่ อยู่ที่ช่วงจังหวะของเวลา การเลือกที่จะไม่ตอบบางคำถามที่เคยตอบไปแล้ว ไม่ใช่ความผิดแน่นอน”
“แต่จังหวะช่วงที่สื่อและสังคมอยากได้คำตอบอีก เขาก็มีสิทธิที่จะไม่พึงพอใจได้ ทำใจ และอดทนกับปรากฏการณ์นี้ให้ได้นะลูก ป๋า ให้กำลังใจ และเห็นใจนะ ป๋า ยืนยันกับลูกว่า ลูกไม่ได้ทำผิดที่ไม่ตอบคำถาม แต่ไม่ถูกใจ สื่อบางคนและไม่ถูกใจคนในสังคมบางคนเท่านั้น ก้มหน้า ทุ่มเท ตั้งใจ ทำงานที่รับผิดบอบในหน้าที่ให้ดีที่สุด พิสูจน์ตัวเองให้สังคมเห็น เหมือนที่พิสูจน์มาแล้ว ทองแท้ไม่เคยกลัวไฟ หัวใจที่มุ่งมั่นเพื่อสังคมก็ไม่เคยแพ้ความรู้สึกของสังคมเช่นกัน เดี๋ยวก็เช้าแล้ว ฟ้ามืดเมื่อมีได้ ฟ้าใหม่ก็คงมี แสงทองเหนือธรณี จะท้าทายอย่างทระนง”
เจาะลึกตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2568: ถอดบทเรียนจากวิกฤต สู่โอกาสทองการลงทุนในยุคพลิกผัน
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยมานานกว่าทศวรรษ ผมขอยืนยันว่าภูมิทัศน์ของตลาดในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ หลังจากเผชิญกับคลื่นลมมรสุมมาหลายปี ตั้งแต่สถานการณ์โรคระบาด สภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ไปจนถึงความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปีแห่งความท้าทายอย่างแท้จริง การฟื้นตัวที่หลายฝ่ายคาดหวังกลับเป็นไปอย่างเชื่องช้า สัญญาณบวกเริ่มปรากฏให้เห็นบ้างในช่วงปลายปี 2567 แต่ความผันผวนยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ผู้ประกอบการและนักลงทุนต้องรับมือ
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568 ไม่ใช่เกมของผู้เล่นหน้าเก่าที่ยึดติดกับกลยุทธ์เดิมๆ อีกต่อไป แต่เป็นสมรภูมิของผู้ที่สามารถปรับตัว มองเห็นโอกาสในวิกฤต และเข้าใจถึงแก่นแท้ของความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมา ผมจะพาทุกท่านเจาะลึกถึงภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2568 วิเคราะห์กลยุทธ์ของผู้เล่นหลัก ถอดรหัสผลประกอบการ และชี้เป้าโอกาสการลงทุนที่น่าจับตาในยุคแห่งการพลิกผันนี้
แนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคและปัจจัยขับเคลื่อนตลาดอสังหาฯ ปี 2568
ก่อนที่เราจะดำดิ่งสู่ผลประกอบการของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ สิ่งสำคัญคือต้องทำความเข้าใจถึงปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคที่จะส่งผลกระทบต่อ “ตลาดอสังหาริมทรัพย์ 2568” การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังคงเป็นตัวแปรสำคัญ แม้การท่องเที่ยวจะกลับมาคึกคัก แต่กำลังซื้อภายในประเทศยังคงเปราะบางจากหนี้ครัวเรือนที่สูงและอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงเป็นแรงกดดัน ธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย มีแนวโน้มที่จะรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อควบคุมเงินเฟ้อและสร้างเสถียรภาพ ซึ่งอาจส่งผลให้ “สินเชื่อบ้าน” ยังคงเป็นปัจจัยท้าทายสำหรับผู้ซื้อ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางถึงน้อย
อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยบวกที่น่าสนใจ เช่น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ ทั้งโครงการรถไฟฟ้าและรถไฟความเร็วสูง ที่ยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนา “อสังหาริมทรัพย์” ในพื้นที่ตามแนวเส้นทางและเมืองรองต่างๆ ขณะที่เทรนด์การทำงานแบบไฮบริดและความต้องการพื้นที่สีเขียวก็ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ “นักพัฒนาอสังหาฯ” ต้องคำนึงถึงในการออกแบบโครงการใหม่ๆ นอกจากนี้ การที่ภาครัฐให้ความสำคัญกับการลงทุนจากต่างประเทศก็อาจช่วยดึงดูดกำลังซื้อจากนักลงทุนต่างชาติให้กลับมาสู่ “ตลาดคอนโดมิเนียมลงทุน” ในประเทศไทยได้อีกครั้ง
ถอดรหัสผลประกอบการปี 2567: บทเรียนสำหรับปี 2568
จากการวิเคราะห์แนวโน้มผลประกอบการของบริษัท “พัฒนาอสังหาริมทรัพย์” ในตลาดหลักทรัพย์ตลอดปี 2566 และคาดการณ์สถานการณ์ในช่วงปี 2567 เราพบว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมยังคงอยู่ในสภาวะที่ต้องใช้ความระมัดระวัง แม้รายได้รวมของกลุ่มบริษัทจะทรงตัวหรือลดลงเพียงเล็กน้อยในช่วงปี 2566 แต่เมื่อเจาะลึกเข้าไปในรายละเอียดจะเห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างผู้ที่สามารถปรับตัวได้ดีกับผู้ที่ยังคงเผชิญกับความท้าทาย
เราคาดการณ์ว่าในปี 2567 บริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งยังคงต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านรายได้ จากการที่กำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ส่งผลให้ต้องมีการปรับลดราคาหรือจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขาย ตัวเลขรายได้รวมของกลุ่มอุตสาหกรรมในปี 2567 อาจไม่ได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่เป็นสัญญาณของการปรับฐานสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในปี 2568
บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กบางรายยังคงมี “ผลประกอบการอสังหาฯ” ติดลบอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความเปราะบางและข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและการบริหารจัดการต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายที่มียอดขายและการรับรู้รายได้ลดลงในปี 2566 ก็ได้เรียนรู้บทเรียนและปรับ “กลยุทธ์อสังหาฯ” เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในปี 2567 และเตรียมพร้อมสำหรับปี 2568
แชมป์รายได้รวมปี 2567: ใครคือผู้นำตัวจริงในตลาด?
เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มและศักยภาพของ “บริษัทอสังหาฯ ชั้นนำ” ในการปรับตัว เราคาดการณ์ว่าในปี 2567 ผู้เล่นรายใหญ่ที่มีพอร์ตสินค้าหลากหลายและมีฐานเงินทุนแข็งแกร่งยังคงสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำด้านรายได้รวมไว้ได้ บริษัทอย่าง แสนสิริ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำยอดขายและรับรู้รายได้ที่โดดเด่นในปี 2566 โดยมียอดขายเติบโตสวนทางตลาด จากการเปิดตัวโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะกลุ่ม และการตลาดที่เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ คาดว่าจะยังคงเป็นผู้เล่นแถวหน้าในการสร้างรายได้รวมในปี 2567 และเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อน “แนวโน้มอสังหาฯ” ของประเทศในปี 2568
คู่แข่งคนสำคัญอย่าง เอพี (ไทยแลนด์) ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในตลาดทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยวแนวราบ จะยังคงรักษาโมเมนตัมที่ดีไว้ได้จากการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ ที่เจาะกลุ่มเรียลดีมานด์อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทคาดว่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับแสนสิริ เป็นการแข่งขันที่ดุเดือดที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของทั้งสององค์กรในการรุกตลาด
ขณะที่ ศุภาลัย ยังคงเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่น่าจับตา ด้วยกลยุทธ์การขยายโครงการออกสู่ต่างจังหวัดและเน้นสินค้าที่มีราคาเข้าถึงง่าย รวมถึงการควบคุมต้นทุนที่ดีเยี่ยม ซึ่งจะทำให้บริษัทยังคงมีรายได้รวมที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือใน “ตลาดอสังหาริมทรัพย์” ต่อไปในปี 2568
ส่วน แลนด์แอนด์เฮ้าส์ แม้จะมีรายได้รวมที่ผันผวนในปี 2566 แต่ด้วยพอร์ตการลงทุนที่หลากหลายและรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนที่สร้างกระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอ คาดว่าจะยังคงรักษาตำแหน่งในกลุ่มผู้นำด้านรายได้รวมได้ อย่างไรก็ตาม การบริหารจัดการรายได้จากการขายโครงการหลักจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตในปี 2568
พลังแห่งการขาย: ใครคือสุดยอดนักปั้นยอดขายในปี 2567?
เมื่อมองที่ “รายได้จากการขาย” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภาพของผู้นำอาจแตกต่างออกไปเล็กน้อย เราคาดการณ์ว่าในปี 2567 เอพี (ไทยแลนด์) จะยังคงยืนหนึ่งในด้านรายได้จากการขาย ด้วยความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและทำการตลาดโครงการแนวราบที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ รวมถึงการจัดการสต็อกและอัตราการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดีเยี่ยม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างยอดขายที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง และเป็นตัวขับเคลื่อน “การฟื้นตัวอสังหาริมทรัพย์” ในกลุ่มแนวราบ
แสนสิริ คาดว่าจะตามมาอย่างใกล้ชิด ด้วยความสามารถในการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ ที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกเซ็กเมนต์ ตั้งแต่ “อสังหาฯหรู” ไปจนถึงโครงการที่เข้าถึงได้ง่าย พร้อมแคมเปญการตลาดที่ดึงดูดใจ ทำให้ยอดขายของแสนสิริยังคงเติบโตอย่างน่าประทับใจ
ศุภาลัย ยังคงเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นที่รักษามาตรฐานด้านยอดขายได้อย่างสม่ำเสมอ โดยเน้นการพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพในราคาที่แข่งขันได้ ขณะที่ เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่โดดเด่นในด้านรายได้จากการขายในปี 2566 คาดว่าจะยังคงมีผลงานที่น่าพอใจในปี 2567 และต่อเนื่องไปในปี 2568 จากกลยุทธ์การรุกตลาดบ้านเดี่ยวระดับบนและการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง
บริษัทอื่นๆ เช่น พฤกษา โฮลดิ้ง และ ควอลิตี้ เฮ้าส์ ก็คาดว่าจะยังคงอยู่ในกลุ่ม Top 10 ด้านยอดขาย จากความเชี่ยวชาญและฐานลูกค้าที่ภักดี ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการสร้าง “ผลตอบแทนอสังหาฯ” อย่างยั่งยืน
กำไรสุทธิ: บทพิสูจน์แห่งความยั่งยืนในตลาดอสังหาฯ ปี 2567-2568
แม้จะมีรายได้จากการขายสูงเพียงใด หากไม่สามารถบริหารจัดการให้เกิด “กำไรสุทธิ” ได้ ก็ไม่อาจถือว่าเป็นผู้ชนะที่แท้จริง เราคาดการณ์ว่าในปี 2567 ภาพรวมของกำไรสุทธิในภาค “ลงทุนอสังหาฯ” ยังคงเป็นเครื่องสะท้อนถึงประสิทธิภาพการบริหารจัดการภายในองค์กร และความสามารถในการปรับตัวเข้ากับต้นทุนที่สูงขึ้น
แลนด์แอนด์เฮ้าส์ คาดว่าจะยังคงเป็นผู้เล่นแถวหน้าในด้านกำไรสุทธิอย่างต่อเนื่อง ด้วยโครงสร้างรายได้ที่หลากหลาย ทั้งจากการขายโครงการ การให้เช่า และการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ในการขายสินทรัพย์เพื่อสร้างกำไรพิเศษ ซึ่งเป็นบทเรียนสำคัญที่ผู้ประกอบการรายอื่นสามารถนำไปปรับใช้ได้ในการสร้าง “Yield อสังหาฯ” ที่ดีเยี่ยม
ศุภาลัย คาดว่าจะรักษาตำแหน่งในกลุ่มผู้นำด้านกำไรสุทธิไว้ได้ จากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีเยี่ยมและการเลือกพัฒนาโครงการในทำเลที่มีศักยภาพและมีความต้องการจริง ทำให้สามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิได้อย่างแข็งแกร่ง
เอพี (ไทยแลนด์) และ แสนสิริ ก็คาดว่าจะยังคงเป็นผู้เล่นหลักในกลุ่มที่มีกำไรสุทธิสูง จากยอดขายที่แข็งแกร่งและการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีเยี่ยม ส่วน ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ แม้จะมีกำไรลดลงในปี 2566 แต่ด้วยกลยุทธ์การขยายพอร์ตธุรกิจสู่โครงการมิกซ์ยูสและธุรกิจบริการ คาดว่าจะสามารถฟื้นตัวและสร้างกำไรได้อย่างยั่งยืนในปี 2568
นอกจากนี้ การเติบโตของ เซ็นทรัลพัฒนา ในภาค “พัฒนาอสังหาฯ” เพื่อขายก็เป็นปรากฏการณ์ที่น่าจับตาอย่างยิ่ง จากกลยุทธ์การใช้ประโยชน์จาก “ทำเลทองอสังหาฯ” ที่เป็นศูนย์การค้าของตนเองในการพัฒนาโครงการที่พักอาศัย ซึ่งส่งผลให้บริษัทมีรายได้และกำไรจากการขายที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด และเป็นตัวอย่างของ “นวัตกรรมอสังหาฯ” ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ
ความท้าทายและโอกาสสำหรับ “ตลาดอสังหาฯ 2568”
ปี 2568 จะยังคงเป็นปีที่ท้าทาย แต่ก็เต็มไปด้วยโอกาสสำหรับผู้ประกอบการและนักลงทุนที่มีวิสัยทัศน์
ความท้าทาย:
ต้นทุนที่สูงขึ้น: ราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้น และการขาดแคลนแรงงานยังคงเป็นปัญหาที่กดดัน “ราคาที่ดิน” และ “ต้นทุนการพัฒนาอสังหาฯ”
กำลังซื้อเปราะบางและหนี้ครัวเรือน: แม้เศรษฐกิจจะค่อยๆ ฟื้นตัว แต่กำลังซื้อของผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงถูกจำกัดด้วยภาระหนี้สิน ทำให้การขอ “สินเชื่อบ้าน” เป็นไปได้ยากขึ้นสำหรับบางกลุ่ม
การแข่งขันที่รุนแรง: ผู้ประกอบการยังคงต้องแข่งขันกันอย่างดุเดือด ทั้งในด้านราคา โปรโมชั่น และนวัตกรรม
โอกาส:
ดีมานด์จากต่างชาติ: การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ จะดึงดูดนักลงทุนและผู้ซื้อชาวต่างชาติให้กลับมาสนใจ “คอนโดมิเนียมลงทุน” ในไทยอีกครั้ง
อสังหาริมทรัพย์สีเขียวและอัจฉริยะ: ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีมากขึ้น โครงการที่มีแนวคิด “อสังหาริมทรัพย์ยั่งยืน” และ “สมาร์ทโฮม” จะได้รับความนิยม
ตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market): การพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะ เช่น โครงการสำหรับผู้สูงอายุ โครงการ Pet-Friendly หรือ Co-Living Space ยังคงมีศักยภาพในการเติบโต
การเปลี่ยนผ่านสู่ “ดิจิทัลในอสังหาฯ”: การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการขาย การตลาด และการบริหารจัดการ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น
การลงทุนระยะยาวในอสังหาฯ: สำหรับนักลงทุนที่มองหา “การลงทุนระยะยาวอสังหาฯ” อสังหาริมทรัพย์เพื่อการเช่าในทำเลศักยภาพยังคงให้ “ผลตอบแทนอสังหาฯ” ที่น่าสนใจ
เส้นทางข้างหน้าของ “อสังหาริมทรัพย์ไทย 2568”
ปี 2568 เป็นปีที่ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จจะต้องมีความคล่องตัว สามารถปรับเปลี่ยน “กลยุทธ์อสังหาฯ” ได้อย่างรวดเร็ว ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป และให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุนและกระแสเงินสด การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างและมีคุณค่า รวมถึงการนำ “นวัตกรรมอสังหาฯ” มาใช้ จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จใน “ตลาดอสังหาริมทรัพย์” แห่งนี้
ไม่ว่าท่านจะเป็นนักพัฒนาโครงการ ผู้ลงทุน หรือผู้ที่กำลังมองหาบ้าน ผมขอเชิญชวนให้ทุกท่านศึกษาข้อมูลและ “วิเคราะห์ตลาดบ้าน” อย่างรอบด้าน และมองหา “โอกาสการลงทุนอสังหาฯ” ที่แท้จริง เพื่อให้ก้าวทันทุกการเปลี่ยนแปลง และคว้าชัยชนะในเกม “อสังหาริมทรัพย์ไทย” ในปี 2568 นี้ไปด้วยกัน.

