สถานการณ์น้ำท่วมสงขลาหลายพื้นที่ระดับน้ำลดลง แต่ยังมีจุดเสี่ยงในอำเภอจะนะ ผู้ใช้รถควรระวังเส้นทางเสียหายและน้ำสูง
สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดสงขลาเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น หลังจากเผชิญฝนตกต่อเนื่องหลายวัน โดยหลายพื้นที่ ระดับน้ำลดลงชัดเจน สร้างความโล่งใจให้ประชาชนจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้รถใช้ถนนยังคงต้องระมัดระวัง เนื่องจากบางจุดยังมี สภาพถนนเสี่ยงอันตราย และอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันได้
เพจเฟซบุ๊กอำเภอจะนะรายงานสถานการณ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 ว่า ตลาดครูแซะ ตำบลสะกอม ยังคงมีระดับน้ำสูง รถขนาดเล็กไม่สามารถสัญจรได้ ส่วนรถใหญ่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก เนื่องจากมีรถบรรทุกและรถยนต์จอดกีดขวาง ส่งผลให้การจราจรติดขัดและเสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้ใช้เส้นทาง
ในทางกลับกัน ตลาดจะนะกลับสู่ภาวะปกติแล้ว ระดับน้ำลดลงทั้งหมด ช่วยให้ร้านค้าและธุรกิจเริ่มทำความสะอาดและฟื้นฟูพื้นที่ ขณะเดียวกันที่ หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงจะนะ ตำบลป่าชิง ถนนเปิดให้ใช้งานได้ตามปกติ การจราจรกลับมาคล่องตัว ช่วยลดผลกระทบในพื้นที่ได้อย่างมาก

จุดเสี่ยงที่ผู้ใช้รถต้องระวัง
• ปั๊มน้ำมัน ปตท. ตำบลจะโหนง อำเภอจะนะ
ระดับน้ำยังสูง รถขนาดเล็กผ่านไม่ได้ ส่วนรถใหญ่ควรใช้ความระมัดระวังและพิจารณาเส้นทางเลี่ยง
• สะพานคลองลึก ตำบลบ้านนา อำเภอจะนะ
พื้นที่นี้ได้รับผลกระทบหนัก พื้นผิวถนนลอกออกจนเห็นดินด้านล่างจากการกัดเซาะของน้ำเชี่ยว ทำให้เส้นทางไม่สม่ำเสมอและ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะบริเวณร้านขายวัสดุก่อสร้างใกล้สะพาน

ผู้ขับขี่ควรหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่เสียหายอย่างรุนแรง และเพิ่มความระมัดระวังในจุดที่ยังมีน้ำขังหรืออยู่ระหว่างการซ่อมแซม เพื่อความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น
เปิดวิสัยทัศน์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2568: พิชิตความท้าทาย สู่โอกาสทองการลงทุน
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยมากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นถึงวัฏจักรแห่งความรุ่งเรืองและการชะลอตัวที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปอย่างไม่เคยหยุดนิ่ง ปี 2566 และ 2567 ที่ผ่านมา นับเป็นอีกสองปีที่ตลาดเผชิญกับบททดสอบครั้งสำคัญ แรงกระเพื่อมจากภาวะเศรษฐกิจโลก ดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และหนี้ครัวเรือนที่ท้าทาย ได้สร้างแรงกดดันอย่างต่อเนื่องต่อกำลังซื้อและกลยุทธ์การดำเนินงานของผู้พัฒนา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั่วประเทศ แม้จะมีการคาดหวังถึงการฟื้นตัว แต่ภาพรวมยังคงเต็มไปด้วยความระมัดระวัง
อย่างไรก็ตาม ในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ ปี 2568 นี้ ผมมองว่าจะเป็นปีแห่งการปรับตัวอย่างแท้จริง เป็นช่วงเวลาที่ผู้ประกอบการที่แข็งแกร่งและมีวิสัยทัศน์จะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ และเป็นโอกาสทองสำหรับ การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่ถูกที่ ถูกเวลา ในบทความนี้ ผมจะพาทุกท่านเจาะลึกถึง แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ ไทยในปี 2568 พร้อมถอดรหัสกลยุทธ์สู่ความสำเร็จ และชี้เป้า ทำเลทอง และเซกเมนต์ที่น่าจับตาในภูมิทัศน์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงนี้
บริบทเศรษฐกิจมหภาค: แรงหนุนและแรงต้านกำหนดทิศทางตลาด
ก่อนจะพิจารณาสภาวะเฉพาะของตลาดอสังหาริมทรัพย์ เราต้องเข้าใจถึงปัจจัยมหภาคที่ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ประเด็นสำคัญในปี 2568 ที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ได้แก่:
อัตราดอกเบี้ย: แม้หลายฝ่ายจะคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจเริ่มผ่อนคลายลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 และต่อเนื่องถึงปี 2568 แต่การปรับลดจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป และยังคงเป็นแรงกดดันต่อ สินเชื่อบ้าน และต้นทุนทางการเงินของผู้พัฒนา การตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคจะยังคงถูกกระทบจากภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นและ หนี้ครัวเรือน ที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ผู้กู้ต้องวางแผนทางการเงินอย่างรอบคอบมากขึ้น การเข้าถึงสินเชื่อยังคงเป็นหนึ่งในความท้าทายหลักสำหรับผู้ซื้อกลุ่มกลาง-ล่าง
อัตราเงินเฟ้อและกำลังซื้อ: แม้เงินเฟ้อจะเริ่มชะลอตัวลง แต่ราคาพลังงานและต้นทุนสินค้ายังคงผันผวน ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคโดยตรง ผู้บริโภคมีความอ่อนไหวต่อราคามากขึ้น และให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและความจำเป็นพื้นฐานเป็นอันดับแรก สิ่งนี้สะท้อนไปยังการตัดสินใจเลือกซื้อ อสังหาริมทรัพย์ ที่ต้องตอบโจทย์การอยู่อาศัยและการใช้ชีวิตในระยะยาวอย่างแท้จริง
การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการลงทุน: การท่องเที่ยวไทยยังคงเป็นความหวังสำคัญของเศรษฐกิจ การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีนและกลุ่มตลาดใหม่ๆ จะส่งผลบวกต่อ อสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า และภาคการบริการโดยรวม นอกจากนี้ นโยบายส่งเสริม การลงทุนต่างชาติอสังหาฯ และโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ยังคงเป็นแม่เหล็กดึงดูดเม็ดเงินลงทุนใหม่ๆ และสร้างความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่
นโยบายภาครัฐ: มาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ เช่น การลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง การขยายเพดานสินเชื่อสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย-ปานกลาง และการพิจารณาทบทวน ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จะยังคงมีบทบาทสำคัญในการประคับประคองตลาด อย่างไรก็ตาม ความต่อเนื่องและประสิทธิผลของมาตรการเหล่านี้จะส่งผลอย่างมากต่อโมเมนตัมของตลาดในระยะยาว
ถอดรหัสผลงานปี 2567: บทเรียนสู่ปี 2568
ปี 2567 ที่ผ่านมา เป็นปีที่ผู้พัฒนา อสังหาริมทรัพย์ รายใหญ่หลายรายต้องเผชิญกับความท้าทายที่คล้ายคลึงกับปี 2566 แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นปีที่เห็นความพยายามในการปรับตัวอย่างชัดเจน หากมองย้อนกลับไปถึงผลประกอบการในปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า:
รายได้รวมและรายได้จากการขายยังคงผันผวน: โดยรวมแล้ว บริษัทอสังหาฯ ส่วนใหญ่ยังคงเผชิญกับการหดตัวของรายได้รวมและรายได้จากการขาย การแข่งขันที่สูงขึ้นทำให้การระบายสต็อกทำได้ยากขึ้น และหลายโครงการต้องใช้โปรโมชั่นที่เข้มข้นเพื่อกระตุ้นยอดขาย
การบริหารจัดการต้นทุนและสภาพคล่องคือหัวใจ: ผู้ประกอบการที่สามารถบริหารจัดการต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรักษาสภาพคล่องทางการเงินได้ดี จะเป็นผู้ที่ประคองสถานการณ์ไปได้
การปรับพอร์ตสินค้าคือทางรอด: เราเริ่มเห็นผู้พัฒนาหลายรายหันมาปรับพอร์ตสินค้าให้สอดรับกับความต้องการของตลาดที่แท้จริงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลดขนาดโครงการให้เล็กลง เน้นยูนิตที่ตอบโจทย์กำลังซื้อ หรือพัฒนาสินค้าในเซกเมนต์ที่มีความต้องการสูงอย่าง บ้านเดี่ยว ระดับกลาง-บน หรือ คอนโดมิเนียมหรู ในทำเลศักยภาพที่หายาก
การเติบโตอย่างโดดเด่นของบางผู้เล่น: แม้ตลาดจะซบเซา แต่ยังมีผู้ประกอบการบางรายที่สามารถสร้างการเติบโตได้ ทั้งจากการเปิดโครงการใหม่ที่ตรงจุด การมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง หรือการขยายไปยังธุรกิจที่มีรายได้ประจำ (Recurring Income) เช่น การให้เช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ หรือ อสังหาฯ ภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นบทเรียนสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่าการมีกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นและรอบด้านคือกุญแจสู่ความสำเร็จ
โดยรวมแล้ว บทเรียนจากปี 2567 ชี้ให้เห็นว่า ความสามารถในการทำกำไรไม่ได้มาจากการระบายสต็อกเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมาจากการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า การบริหารจัดการการเงินที่มีวินัย และความเข้าใจในความต้องการของตลาดอย่างลึกซึ้ง ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการวาง กลยุทธ์อสังหาฯ สำหรับปี 2568
ภูมิทัศน์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ 2568: โอกาสในความท้าทาย
เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2568 ภูมิทัศน์ของ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย จะยังคงเต็มไปด้วยความซับซ้อน แต่ก็มีโอกาสที่ชัดเจนในเซกเมนต์และทำเลที่เหมาะสม:
ตลาดที่อยู่อาศัย:
บ้านแนวราบยังคงเป็นดาวเด่น: ความต้องการ บ้านเดี่ยว และ ทาวน์โฮม ยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในทำเลรอบนอกเมืองที่มีการคมนาคมสะดวก ราคาเข้าถึงได้ และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น การทำงานแบบ Hybrid Work ที่ได้รับความนิยมหลังยุคโควิด-19 ยังคงเป็นแรงหนุนสำคัญ ทำให้ผู้คนมองหาที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่รองรับกิจกรรมหลากหลาย และมีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น
คอนโดมิเนียมกับการปรับตัว: ตลาด คอนโดมิเนียม ยังคงเผชิญกับภาวะอุปทานส่วนเกินในบางทำเล โดยเฉพาะในเมืองชั้นใน อย่างไรก็ตาม คอนโดมิเนียมหรู ระดับพรีเมียมใน ทำเลทอง ที่หายาก ติดรถไฟฟ้า หรือวิวแม่น้ำ ยังคงมีดีมานด์จากกลุ่มผู้ซื้อกำลังซื้อสูงและนักลงทุนต่างชาติที่มองหาการลงทุนระยะยาว นอกจากนี้ คอนโดมิเนียมสำหรับเช่าระยะสั้นหรือ Long-Stay Residence ที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานก็เป็นอีกหนึ่งเซกเมนต์ที่น่าจับตา
ที่อยู่อาศัยเพื่อสุขภาพ (Wellness Residence): เทรนด์สุขภาพและสังคมสูงวัยกำลังขับเคลื่อนความต้องการที่อยู่อาศัยที่มีบริการดูแลสุขภาพ สิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ และการออกแบบที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ นี่คือ แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ ที่กำลังเติบโตและมีศักยภาพสูง
อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์และภาคอุตสาหกรรม:
ภาคค้าปลีกและออฟฟิศ: ศูนย์การค้าและรีเทลจะฟื้นตัวตามการท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศที่กลับมาคึกคักมากขึ้น แต่ออฟฟิศให้เช่ายังคงต้องปรับตัวกับรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไป โดยพื้นที่ออฟฟิศเกรด A+ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และยืดหยุ่น จะเป็นที่ต้องการมากกว่า
คลังสินค้าและโลจิสติกส์: การเติบโตของ E-commerce ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสำหรับความต้องการ คลังสินค้าและโลจิสติกส์ โดยเฉพาะคลังสินค้าอัตโนมัติ (Automated Warehouse) และคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ (Cold Storage) ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับ การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ในภาคส่วนนี้
โรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์: การกลับมาของนักท่องเที่ยวทำให้ภาคโรงแรมมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวหลักและทำเลที่เข้าถึงได้ง่าย การลงทุนใน อสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า ประเภทนี้ยังคงน่าสนใจ
เทรนด์ขับเคลื่อนใหม่:
อสังหาริมทรัพย์ยั่งยืน (Sustainable Real Estate): การให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) จะไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นมาตรฐานใหม่ ผู้ซื้อและนักลงทุนจะมองหาโครงการที่มีการออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานสะอาด และการบริหารจัดการอย่างโปร่งใส
PropTech และ Digital Transformation: การนำเทคโนโลยีมาใช้ในทุกกระบวนการของ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่การตลาด การขาย การบริหารจัดการโครงการ ไปจนถึงการบริการหลังการขาย จะเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า
นโยบายส่งเสริมจากภาครัฐ: การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะระบบราง จะสร้าง ทำเลศักยภาพ ใหม่ๆ ตามแนวรถไฟฟ้าและพื้นที่เชื่อมต่อ ทำให้เกิดการกระจายตัวของเมืองและโอกาสในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ
กลยุทธ์ผู้ชนะในตลาด 2568: ปรับตัวเพื่อก้าวล้ำ
จากบทเรียนและแนวโน้มข้างต้น ผู้พัฒนา อสังหาริมทรัพย์ ที่จะยืนหยัดและเติบโตได้ในตลาดปี 2568 จะต้องมีกลยุทธ์ที่คมชัดและยืดหยุ่น:
ความแข็งแกร่งทางการเงินและการบริหารสภาพคล่อง: การมีวินัยทางการเงิน การบริหารต้นทุนอย่างเข้มงวด และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลาย จะเป็นปัจจัยชี้ขาดในการดำเนินธุรกิจในสภาวะที่ยังคงผันผวน การลดสัดส่วนหนี้ต่อทุน และการรักษาสภาพคล่องไว้ให้มากที่สุดคือสิ่งสำคัญ
การวิเคราะห์ตลาดเชิงลึกและการพัฒนาสินค้าที่แตกต่าง: ผู้ชนะจะต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าเป้าหมายอย่างถ่องแท้ และพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์เฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ไม่ใช่แค่สร้างเพื่อขาย แต่ต้องสร้างเพื่อตอบสนองการใช้ชีวิต อาทิ บ้านที่มีฟังก์ชันสำหรับ Multi-Generational Living, คอนโดมิเนียมที่รองรับ Pet-Friendly หรือโครงการที่บูรณาการ Smart Home Technology
นวัตกรรมการตลาดและการขายแบบ O2O (Online to Offline): การใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลในการเข้าถึงลูกค้า ตั้งแต่การโฆษณา การนำชมโครงการแบบเสมือนจริง ไปจนถึงการจองและทำสัญญา จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงลูกค้า การผสานการตลาดออนไลน์เข้ากับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ณ โครงการ จะสร้างประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบ
การขยายพอร์ตการลงทุนสู่ Recurring Income: เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงรายได้จากการขายเพียงอย่างเดียว ผู้ประกอบการควรพิจารณาขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจที่มีรายได้ประจำ เช่น โรงแรม ศูนย์การค้า คลังสินค้า หรือพื้นที่ให้เช่าเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะช่วยสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงและยั่งยืน
การลงทุนในเทคโนโลยีและบุคลากร: การนำเทคโนโลยี PropTech เข้ามาใช้ในทุกมิติของธุรกิจ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ตั้งแต่การใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลตลาด การบริหารจัดการโครงการด้วย Big Data ไปจนถึงการพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับลูกบ้าน นอกจากนี้ การพัฒนาทักษะบุคลากรให้มีความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีใหม่ๆ ก็เป็นสิ่งจำเป็น
การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ: การร่วมทุนกับผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เช่น ด้านเทคโนโลยี ด้านพลังงานสะอาด หรือด้านการดูแลสุขภาพ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ
บทสรุปและวิสัยทัศน์: ก้าวต่อไปของอสังหาริมทรัพย์ไทย
ปี 2568 จะเป็นปีที่ตลาด อสังหาริมทรัพย์ไทย ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นปีที่เต็มไปด้วยโอกาสสำหรับผู้ที่พร้อมปรับตัว ผู้ประกอบการที่มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล มีความแข็งแกร่งทางการเงิน และกล้าที่จะพลิกโฉมตัวเองด้วยนวัตกรรม จะเป็นผู้ที่สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดและคว้า โอกาสลงทุน ที่ซ่อนอยู่ได้
ในฐานะ ผู้เชี่ยวชาญอสังหาฯ ผมเชื่อมั่นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงมีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและเทรนด์การพัฒนาเมืองที่ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง การปรับตัวเชิงรุก การทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ คือหัวใจสำคัญสู่ความสำเร็จในสมรภูมิอันดุเดือดนี้
หากคุณคือผู้ประกอบการ นักลงทุน หรือผู้ที่กำลังมองหาบ้านในฝันใน ตลาดอสังหาริมทรัพย์ 2568 การทำความเข้าใจในบริบทเหล่านี้คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด อย่าลังเลที่จะศึกษาข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับเป้าหมายของคุณ เพื่อที่คุณจะไม่พลาดโอกาสทองในตลาดที่กำลังเปลี่ยนแปลงนี้
ถึงเวลาแล้วที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและชาญฉลาด!

