พัทลุง น้ำท่วมไม่คลีคลาย ฝนตกหนักซ้ำ ชาวบ้าน 5 อำเภอ ริมทะเลสาบสงขลา เดือดร้อนแสนสาหัส น้ำเพิ่มสูง คลื่นซัดแรง ประสบอุทกภัย ทุกข์โรคน้ำกัดเท้า เร่งอพยพหนีภัยธรรมชาติโดยด่วน โรงเรียนสั่งปิดทั้งหมด เพื่อความปลอดภัย ครู-นร.
24 พ.ย. 68 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วม ในจังหวัดพัทลุง ยังไม่คลีคลาย ยังคงน่าเป็นห่วงอย่างต่อเนื่อง หลังมีฝนตกหนักตั้งแต่ คืน 23 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ ส่งผลให้หลายพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ทั้งระดับน้ำยังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชนและหมู่บ้านริมทะเลสาบสงขลา ตั้งแต่อำเภอควนขนุน อำเภอเมืองพัทลุง อำเภอเขาชัยสน อำเภอบางแก้ว และอำเภอปากพะยูน รวมกว่า 50 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง หลายครัวเรือนต้องเผชิญกับระดับน้ำที่เพิ่มสูงอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านจงเก หมู่ที่ 3 ตำบลแหลมจองถนน อำเภอเขาชัยสน มีระดับน้ำสูงเฉลี่ยกว่า 60 เซนติเมตร ขณะที่คลื่นลมแรงจากทะเลสาบสงขลาได้ซัดเข้าหาบ้านเรือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทำให้บ้านเรือนที่มีโครงสร้างไม่แข็งแรง ได้รับผลกระทบหนักจนบางครอบครัวต้องอพยพไปพักอาศัยกับญาติพี่น้องเพื่อความปลอดภัย
จากน้ำท่วมดังกล่าว ที่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่กับน้ำเป็นเวลาหลายวันนั้น ชาวบ้านบางรายเกิดโรคน้ำกัดเท้า ซึ่งหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งอำเภอ จังหวัด อปท. เข้าให้การช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว การสนับสนุนน้ำดื่ม อาหารแห้ง รวมทั้งนำรถสุขาเคลื่อนที่เข้าบริการให้กับชาวบ้านที่ไม่สามารถใช้ห้องน้ำในพื้นที่น้ำท่วมได้
พร้อมกันนี้ จากสถานการณ์ฝนที่กลับมาตกหนัก ทำให้หลายพื้นที่มีน้ำท่วมขังบนท้องถนน การสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก และเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงอันตรายจากกระแสน้ำเชี่ยวและน้ำป่าไหลหลาก ล่าสุดโรงเรียนเกือบทั้งหมดในจังหวัดพัทลุง ประกาศปิดการเรียนการสอนเพิ่มอีกหนึ่งวัน เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและผู้ปกครอง
ด้านนายสุจิตน์ วาจากิจ รักษาการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง พร้อมด้วย นายธราวุธ ช่วยเกิด รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ พร้อมกำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันอันตรายจากน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และเพิ่มมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
นายธราวุธ ยังได้มอบเงินช่วยเหลือของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์ จำนวน 3,000 บาท และเงินสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดพัทลุง จำนวน 5,000 บาท ให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วม 1 ราย ที่วัดแหลมจองถนน อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2568: ถอดรหัสความสำเร็จในยุคแห่งการปรับตัวและโอกาสทอง
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยมากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการพลิกผันและวิวัฒนาการของตลาดมาอย่างนับครั้งไม่ถ้วน หากย้อนมองช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะในปี 2566 และ 2567 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้เผชิญกับคลื่นลมมรสุมลูกใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูง ต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญคือภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นที่สร้างแรงกดดันอย่างหนักต่อทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค สิ่งเหล่านี้ได้หล่อหลอมให้ภูมิทัศน์ของตลาดในปี 2568 กลายเป็นสมรภูมิที่ต้องอาศัยกลยุทธ์ที่เฉียบคม การปรับตัวอย่างรวดเร็ว และวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล เพื่อค้นหา “ผู้ชนะตัวจริง” ในยุคแห่งความท้าทายนี้
ปี 2568 ไม่ใช่แค่การดำเนินธุรกิจแบบเดิมๆ อีกต่อไป มันคือปีที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต้องคิดใหม่ ทำใหม่ และมองหาโอกาสจากกระแสการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่การประเมินจากผลประกอบการในอดีต แต่เป็นการทำความเข้าใจถึงปัจจัยขับเคลื่อนใหม่ๆ และการปรับโครงสร้างองค์กรให้แข็งแกร่งพร้อมรับมือกับอนาคตที่คาดเดาได้ยาก
ภาพรวมเศรษฐกิจและปัจจัยมหภาคที่มีอิทธิพลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2568
แม้ว่าประเทศไทยจะพยายามฟื้นตัวจากผลกระทบทางเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง แต่การเติบโตยังคงเป็นไปอย่างช้าๆ ภาคการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคักเป็นหนึ่งในเสาหลักสำคัญที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจ แต่ภาคการส่งออกยังคงเผชิญกับความท้าทายจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว สำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ยังคงทรงตัวในระดับสูง หรืออาจมีการปรับลดลงเล็กน้อยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 หากสถานการณ์เงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุม จะส่งผลโดยตรงต่ออำนาจซื้อของผู้บริโภคและต้นทุนการกู้ยืมของผู้พัฒนาโครงการ นั่นทำให้ “สินเชื่อบ้าน” ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ซื้อต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
นอกจากนี้ นโยบายของภาครัฐ ทั้งในด้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การกระตุ้นเศรษฐกิจ และมาตรการส่งเสริม “การลงทุนอสังหาฯ” สำหรับชาวต่างชาติ จะเป็นตัวแปรสำคัญที่เข้ามาช่วยขับเคลื่อนตลาดให้มีสีสันมากขึ้น โครงการเมกะโปรเจกต์ด้านคมนาคมขนส่งยังคงสร้าง “ทำเลทอง” ใหม่ๆ และดึงดูดการลงทุนในพื้นที่รอบนอกเมือง แต่ความสำเร็จจะขึ้นอยู่กับการจับคู่กับความต้องการที่แท้จริงของตลาด
การปรับตัวของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จดทะเบียน: บทเรียนจากอดีต สู่กลยุทธ์ในปัจจุบัน
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เราได้เห็นแล้วว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์จำนวนไม่น้อยต้องเผชิญกับภาวะรายได้หดตัว แม้แต่บริษัทชั้นนำบางรายก็ยังได้รับผลกระทบ การรักษาระดับ “กำไรสุทธิ” กลายเป็นโจทย์ที่ท้าทายยิ่งกว่าการสร้าง “รายได้รวม” บทเรียนจากปีที่ผ่านมาสอนให้เราเห็นว่าความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของบริษัทเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุน การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ และการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ในปี 2568 เราจะเห็นบริษัทอสังหาฯ ที่มีศักยภาพแข็งแกร่งและมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จ มีลักษณะเด่นที่ชัดเจน:
ความแข็งแกร่งทางการเงินและวินัยการบริหารหนี้: บริษัทที่รอดพ้นจากวิกฤตที่ผ่านมาและพร้อมเติบโตต่อไป คือบริษัทที่มีงบดุลแข็งแกร่ง มีสภาพคล่องที่ดี และบริหารจัดการหนี้อย่างมีวินัย เพื่อรองรับความผันผวนและลงทุนในโครงการใหม่ๆ ได้อย่างมั่นใจ การที่บางบริษัทสามารถรักษาระดับ “กำไรสุทธิ” ไว้ได้ แม้ “รายได้จากการขาย” อาจจะชะลอตัวลง บ่งบอกถึงความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนและการสร้างผลกำไรจากสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพ
การกระจายความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอ: การพึ่งพิงตลาดที่อยู่อาศัยเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพออีกต่อไป บริษัทที่หันมาสนใจพัฒนาโครงการแบบผสมผสาน (Mixed-use Development) ที่รวมเอาที่อยู่อาศัย พื้นที่ค้าปลีก สำนักงาน และโรงแรมเข้าไว้ด้วยกัน จะมีโอกาสเติบโตได้ดีกว่า ตัวอย่างเช่น บริษัทที่เริ่มต้นจากการเป็นผู้นำด้านค้าปลีกและผันตัวมาพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายในรูปแบบโครงการผสมผสาน ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการสร้าง “รายได้จากการขาย” ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงที่ผ่านมา และจะเป็นต้นแบบของการกระจายความเสี่ยงที่น่าสนใจในปี 2568
การมุ่งเน้นตลาดเฉพาะกลุ่มและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์: ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2568 จะถูกขับเคลื่อนด้วยความต้องการที่ซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น “คอนโดมิเนียมหรู” ในทำเลใจกลางเมืองยังคงได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อสูงและนักลงทุนต่างชาติที่มองหา “การลงทุนอสังหาฯ” ที่มั่นคง ขณะที่ “บ้านเดี่ยวพรีเมียม” ในเขตชานเมืองที่เข้าถึงง่ายและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตอบโจทย์ครอบครัวที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นหลังจากการระบาดของโรคระบาดในอดีต ผู้พัฒนาที่เข้าใจและสามารถนำเสนอ “โครงการอสังหาฯ ใหม่” ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ พร้อมด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ยืดหยุ่น การออกแบบที่ใส่ใจสุขภาพ และ “เทคโนโลยีอสังหาฯ” (PropTech) ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การอยู่อาศัย จะเป็นผู้ที่ได้เปรียบ
เทรนด์สำคัญที่กำหนด “แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์” ในปี 2568
ความยั่งยืนและ ESG (Environmental, Social, Governance): นี่ไม่ใช่แค่กระแสชั่วคราว แต่เป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ซื้อและนักลงทุนให้ความสำคัญมากขึ้น “อสังหาริมทรัพย์” ที่ออกแบบโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ และการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชน จะได้รับความนิยมมากขึ้น การลงทุนใน “ESG อสังหาฯ” จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับบริษัทชั้นนำที่ต้องการสร้างความได้เปรียบในระยะยาว
เทคโนโลยีดิจิทัลและ PropTech: การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในทุกขั้นตอนของ “ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์” ตั้งแต่การตลาด การขาย การบริหารจัดการโครงการ ไปจนถึงการบริการหลังการขาย จะเป็นตัวเร่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน การใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลความต้องการลูกค้า การสร้างแบบจำลอง 3 มิติเพื่อนำเสนอโครงการ และระบบสมาร์ทโฮม จะเป็นฟีเจอร์พื้นฐานที่ผู้บริโภคคาดหวัง
การฟื้นตัวของตลาดเช่าและอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน: ด้วย “ดอกเบี้ยบ้าน” ที่ยังคงเป็นปัจจัยกดดัน ทำให้บางกลุ่มตัดสินใจเช่ามากกว่าซื้อ “ตลาดเช่าอสังหาฯ” โดยเฉพาะในเมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยว จะยังคงมีศักยภาพที่ดีสำหรับนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนสม่ำเสมอ นอกจากนี้ “การลงทุนต่างชาติ” ในอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์และอุตสาหกรรมยังคงมีแนวโน้มเติบโต โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ที่เป็นศูนย์กลางการผลิตและโลจิสติกส์
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรและการใช้ชีวิต: สังคมผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นและความต้องการที่อยู่อาศัยสำหรับครอบครัวขนาดเล็กหรือผู้ที่อยู่คนเดียว ทำให้เกิดความต้องการโครงการที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์เฉพาะทางมากขึ้น เช่น โครงการสำหรับผู้สูงอายุ (Senior Living) หรือห้องชุดขนาดกะทัดรัดพร้อมฟังก์ชันที่ครบครัน รวมถึงความต้องการพื้นที่สีเขียวและการใช้ชีวิตที่ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้นก็ยังคงเป็นเทรนด์ต่อเนื่อง
บริษัทที่จะเป็น “ผู้ชนะตัวจริง” ในปี 2568
แม้จะไม่สามารถระบุตัวเลขที่ชัดเจนได้ล่วงหน้า แต่จากประสบการณ์และ “แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์” ที่กล่าวมาข้างต้น เราสามารถคาดการณ์ได้ว่าบริษัทที่จะโดดเด่นในปี 2568 คือบริษัทที่สามารถนำบทเรียนจากปีที่ผ่านมามาปรับใช้ได้อย่างชาญฉลาด:
ผู้ที่บริหารจัดการการเงินได้ยอดเยี่ยม: บริษัทอย่าง แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ที่มีชื่อเสียงด้านงบดุลที่แข็งแกร่งและมีรายได้ประจำจากสินทรัพย์ให้เช่า จะยังคงเป็นตัวอย่างของการดำเนินธุรกิจที่มั่นคง และการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่สร้างผลกำไรได้อย่างชาญฉลาด แม้ “รายได้รวม” จากการขายอาจเผชิญความท้าทาย แต่ความสามารถในการสร้าง “กำไรสุทธิ” จากช่องทางอื่น ๆ จะเป็นจุดแข็งสำคัญ
ผู้ที่เน้นการขายและตอบโจทย์ตลาดอย่างแม่นยำ: บริษัทอย่าง เอพี (ไทยแลนด์) ที่พิสูจน์แล้วว่ามีความเชี่ยวชาญในการทำตลาดและยอดขาย โดยเฉพาะในกลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบ และสามารถสร้าง “รายได้จากการขาย” ที่แข็งแกร่งได้อย่างต่อเนื่อง จะยังคงเป็นหนึ่งในผู้นำที่น่าจับตา ด้วยความเข้าใจใน “ตลาดที่อยู่อาศัย” และการออก “โครงการอสังหาฯ ใหม่” ที่หลากหลาย
ผู้ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดและมีการปรับตัว: บริษัทอย่าง แสนสิริ ที่แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของ “รายได้รวม” ที่โดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา ด้วยการขยายพอร์ตโฟลิโออย่างรวดเร็วและการตลาดที่เข้าถึงผู้บริโภค จะต้องพิสูจน์ความสามารถในการรักษาโมเมนตัมนี้ พร้อมกับบริหารจัดการ “กำไรสุทธิ” ให้เติบโตควบคู่กันไป
ผู้ที่รักษามาตรฐานและคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ: บริษัทอย่าง ศุภาลัย ที่เป็นที่รู้จักในด้านการพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพในระดับราคาที่เข้าถึงได้ และมีที่ดินในมือที่แข็งแกร่ง จะยังคงเป็นผู้เล่นสำคัญใน “ตลาดที่อยู่อาศัย” โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่มองหาความคุ้มค่าและความน่าเชื่อถือ
ผู้ที่มีวิสัยทัศน์ในการขยายพอร์ตโฟลิโอ: บริษัทอย่าง เซ็นทรัลพัฒนา ที่ขยายบทบาทจากศูนย์การค้าสู่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายแบบผสมผสาน ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการสร้างการเติบโตและกระจายความเสี่ยง ซึ่งจะเป็น “กลยุทธ์อสังหาฯ” ที่สำคัญในปี 2568
ความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า
แม้จะมีโอกาส แต่ปี 2568 ก็ยังคงเต็มไปด้วยความท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนทางเศรษฐกิจโลก ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน การขาดแคลนแรงงานภาคก่อสร้างและต้นทุนวัสดุที่ยังคงอยู่ในระดับสูง รวมถึงกฎระเบียบใหม่ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาโครงการ ผู้ประกอบการต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งเหล่านี้ด้วยความยืดหยุ่นและรอบคอบ
บทสรุป: ก้าวสู่ยุคใหม่ของอสังหาริมทรัพย์ไทย
ปี 2568 จึงไม่ใช่แค่ปีของการฟื้นตัว แต่เป็นปีแห่งการพลิกโฉม “ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์” ไทยอย่างแท้จริง การแข่งขันจะเข้มข้นขึ้น ผู้เล่นที่เข้าใจตลาดอย่างลึกซึ้ง มีความแข็งแกร่งทางการเงิน นำนวัตกรรมมาใช้ และยึดมั่นในแนวทาง “ESG อสังหาฯ” จะเป็นผู้ที่สามารถคว้าโอกาสและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว และนี่คือยุคที่ “ราคาอสังหาริมทรัพย์” จะถูกขับเคลื่อนด้วยมูลค่าที่แท้จริงและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ชีวิตในอนาคต
สำหรับผู้ที่กำลังมองหา “การลงทุนอสังหาฯ” หรือต้องการทำความเข้าใจ “แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์” ในปี 2568 อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น นี่คือช่วงเวลาที่คุณต้องศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนอย่างมีกลยุทธ์
หากท่านกำลังมองหาโอกาสทองใน “ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย” หรือต้องการคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ยาวนานเพื่อนำทางธุรกิจของท่านสู่ความสำเร็จในปี 2568 และในทศวรรษหน้า โปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อเราเพื่อรับคำปรึกษาเชิงลึกและข้อมูลเจาะตลาดที่แม่นยำ เราพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอนาคตที่สดใสของท่านในโลกอสังหาริมทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงไปไม่หยุดนิ่งนี้
