“อนุทิน” ลงพื้นที่พบผู้ประสบภัยน้ำท่วมหาดใหญ่รอบ 3 เจอชาวบ้านฟ้อง โบกรถ ปภ. 2 รอบไม่จอด นั่งหัวโต๊ะ ถกแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ลั่นจะอยู่สั่งการในพื้นที่จนกว่าจะคลี่คลาย
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 26 พ.ย. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม, น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย, นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย, นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ อธิบดีกรมการปกครอง และนายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ร่วมลงพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
ฟ้องนายกฯ โบกรถ ไม่จอดช่วย

ในช่วงหนึ่ง ที่นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน ที่บริเวณสะพานข้ามคลองชลประทาน บ้านบางแฟบพัฒนา ตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พบว่า บางส่วนได้เข้ามาร้องเรียนว่า วานนี้พยายามโบกรถขอความช่วยเหลือจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) 2 คัน แต่ไม่มีใครจอด จนวันนี้นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่หาดใหญ่ ถึงจะจอดเจอประชาชน ทำให้นายกรัฐมนตรีจึงหันไปพูดกับผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา จากนั้นได้นำเครื่องอุปโภคบริโภค และทักทายประชาชนอย่างเป็นกันเอง

ปักหลักหาดใหญ่จนกว่าจะคลี่คลาย
ช่วงบ่าย นายอนุทิน เป็นประธานการประชุมผ่านระบบออนไลน์ ที่กองบิน 56 ต.คลองหลา อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ไปที่ห้องประชุมเสนาณรงค์ มณฑลทหารบกที่ 42 ค่ายเสนาณรงค์ โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พล.ท.นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4 ร่วมประชุมศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย ครั้งที่ 1 / 2568 โดยมีทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมเพื่อติดตามสถานการณ์และการดำเนินการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงหนึ่งของการประชุม นายอนุทิน กล่าวในที่ประชุมว่า จะยังคงอยู่ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย หากไม่มีเหตุจำเป็นอื่น จะไม่บินกลับโดยเด็ดขาด
เจาะลึกอนาคตอสังหาริมทรัพย์ไทย 2568: กลยุทธ์พิชิตความท้าทาย สร้างโอกาสในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการพลิกผันและการเปลี่ยนแปลงมามากมาย แต่แทบไม่เคยมีปีใดที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนเท่าช่วงสองสามปีที่ผ่านมา และเมื่อเราก้าวเข้าสู่ปี 2568 ภูมิทัศน์ของ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ก็ยิ่งท้าทายและน่าตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิม หากปี 2566 และ 2567 เป็นปีแห่งการชะลอตัวและการปรับตัว ปี 2568 คือปีที่ผู้ประกอบการและนักลงทุนต้องฉลาดและกล้าหาญในการคว้าโอกาสที่ซ่อนอยู่ในคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้
บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกถึงแนวโน้ม ปัจจัยขับเคลื่อน และกลยุทธ์สำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จใน การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ปี 2568 พร้อมทั้งวิเคราะห์ว่าผู้เล่นรายใดจะยังคงเป็น “ผู้ชนะตัวจริง” ในสมรภูมิที่เต็มไปด้วยการแข่งขันนี้
ภูมิทัศน์เศรษฐกิจมหภาค: แรงขับเคลื่อนและแรงต้านตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย 2568
การทำความเข้าใจภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคคือกุญแจสำคัญในการวิเคราะห์ แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ 2568 ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญกับความผันผวน ทั้งจากภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงในบางประเทศ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลัก ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อัตราดอกเบี้ย: คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยอาจเริ่มทรงตัวหรือมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 หากเงินเฟ้อเริ่มคลี่คลายลง ซึ่งจะเป็นข่าวดีสำหรับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ต้องการ สินเชื่อที่อยู่อาศัย และจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยของภาคธุรกิจ อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงอาจไม่ได้ส่งผลให้ตลาดคึกคักทันที เนื่องจากยังมีปัจจัยหนี้ครัวเรือนสูงและกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
กำลังซื้อและหนี้ครัวเรือน: หนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูงเป็นความท้าทายสำคัญที่ฉุดรั้งกำลังซื้อภายในประเทศ ผู้พัฒนาอสังหาฯ จึงต้องเน้นการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อจริง และพยายามสร้างผลิตภัณฑ์ที่ “เข้าถึงได้” มากขึ้น
ภาคการท่องเที่ยว: การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวจีนและตะวันออกกลางที่มีกำลังซื้อสูง จะเป็นปัจจัยบวกสำคัญที่ช่วยกระตุ้น ตลาดคอนโดมิเนียมหรู และ อสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า ในทำเลทอง รวมถึง อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ อย่างโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์
การลงทุนภาครัฐและโครงสร้างพื้นฐาน: โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ทั้งรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย มอเตอร์เวย์ และการขยายสนามบิน จะยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการสร้าง ทำเลทองอสังหาริมทรัพย์ ใหม่ๆ และเพิ่มมูลค่าให้กับที่ดินในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งนักลงทุนควรจับตาดูอย่างใกล้ชิด
แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่น่าจับตาในปี 2568: เมื่อความต้องการเปลี่ยนไป
ปี 2568 จะเป็นปีที่เห็นชัดเจนว่าผู้บริโภคและนักลงทุนมีความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ผู้ประกอบการที่ปรับตัวได้ทันเท่านั้นที่จะคว้าชัยชนะใน การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ยุคใหม่นี้
การกลับมาของตลาดลักซ์ชัวรีและซูเปอร์ลักซ์ชัวรี:
แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะผันผวน แต่กลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูงยังคงเป็นเซกเมนต์ที่แข็งแกร่ง ความต้องการ คอนโดมิเนียมหรู และ บ้านเดี่ยวราคาแพง ที่มาพร้อมดีไซน์โดดเด่น ฟังก์ชันพิเศษ และทำเลพรีเมียมยังคงมีสูง กลุ่มนี้นอกจากเป็นผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองแล้ว ยังเป็นกลุ่มนักลงทุนที่มองหา อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ที่มีศักยภาพในการสร้างมูลค่าเพิ่มและผลตอบแทนระยะยาว
กลยุทธ์สำคัญคือการนำเสนอประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เหนือระดับ (Luxury Living Experience) พร้อมบริการพิเศษ และการผนวกเทคโนโลยีอัจฉริยะ (Smart Home) เข้ามาเพื่อความสะดวกสบายและปลอดภัย
อสังหาริมทรัพย์แนวราบยังคงเป็นดาวเด่น:
ความต้องการ บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่และครอบครัวที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น รองรับการทำงานจากที่บ้าน (Work-from-Home) และกิจกรรมของครอบครัว
โครงการแนวราบที่ประสบความสำเร็จในปี 2568 จะต้องเน้นการออกแบบพื้นที่ที่ยืดหยุ่น (Flexible Space) มีพื้นที่สีเขียว และสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป เช่น สวนสาธารณะ, Co-working space, Pet-friendly zone
อสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพ (Wellness Residences) และสังคมสูงวัย:
ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ ความต้องการที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ผู้สูงอายุ รวมถึงกลุ่มที่ใส่ใจสุขภาพมีสูงขึ้นมาก โครงการที่มีการออกแบบ universal design, มีบริการดูแลสุขภาพเบื้องต้น, หรือเป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้ที่เน้น wellness จะเป็นที่ต้องการ
นี่ยังรวมถึง อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ ที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลและคลินิกเฉพาะทางที่เชื่อมโยงกับโครงการที่อยู่อาศัย
ESG และการพัฒนาอย่างยั่งยืน:
ESG อสังหาริมทรัพย์ ไม่ใช่แค่คำศัพท์เทคนิคอีกต่อไป แต่เป็นกลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจและสร้างมูลค่าเพิ่ม ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับโครงการที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงาน (Green Building) และมีนวัตกรรมที่ลดผลกระทบต่อโลก
นักลงทุนสถาบันต่างมองหาโครงการที่ได้มาตรฐาน ESG เพื่อลงทุน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความยั่งยืนได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจทั้งสำหรับผู้ซื้อและนักลงทุน
PropTech และ Digital Transformation:
Digital Transformation อสังหาริมทรัพย์ กำลังเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่การใช้ AI และ Big Data ในการวิเคราะห์ตลาด, การประเมินราคา, การทำนายแนวโน้ม, ไปจนถึงการตลาดและการขายแบบเฉพาะบุคคล
เทคโนโลยีอย่าง Virtual Tour, AR/VR, และระบบ Smart Home ไม่ใช่แค่สิ่งอำนวยความสะดวก แต่เป็นมาตรฐานใหม่ที่ลูกค้าคาดหวัง การนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า
เจาะลึกกลยุทธ์ผู้ประกอบการอสังหาฯ ในปี 2568: ใครคือผู้ชนะตัวจริง?
จากบทเรียนในปี 2566 ที่หลายบริษัทต้องเผชิญกับรายได้รวมและรายได้จากการขายที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เราได้เห็นแล้วว่าความยืดหยุ่นและการปรับตัวคือหัวใจสำคัญ ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เคยครองแชมป์อย่าง แสนสิริ, AP (ไทยแลนด์), ศุภาลัย, แลนด์แอนด์เฮ้าส์, พฤกษา ล้วนต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาตำแหน่งและสร้างการเติบโตในปี 2568
กลยุทธ์การกระจายความเสี่ยง (Diversification):
ผู้พัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำหลายรายไม่ได้พึ่งพารายได้จากการขายที่อยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว แต่หันไปลงทุนใน อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ เช่น โครงการมิกซ์ยูส, โรงแรม, เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์, คลังสินค้า และศูนย์การค้า ซึ่งสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) และช่วยลดความผันผวนของรายได้รวม
การขยายตลาดสู่ต่างจังหวัดที่มีศักยภาพ เช่น หัวเมืองท่องเที่ยวหลัก (ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี) และพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ได้รับอานิสงส์จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรม ถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการสร้างการเติบโต
การบริหารจัดการต้นทุนและสภาพคล่องอย่างมีประสิทธิภาพ:
ในภาวะที่ตลาดมีความไม่แน่นอน การรัดเข็มขัด การเพิ่มประสิทธิภาพในการก่อสร้าง และการบริหารจัดการสต็อกสินค้าคงค้างเป็นสิ่งสำคัญ บริษัทที่สามารถลดต้นทุนการดำเนินงานและบริหารจัดการหนี้สินได้อย่างชาญฉลาด จะมีสภาพคล่องที่ดีกว่าและพร้อมสำหรับการลงทุนเมื่อโอกาสมาถึง
การหาแหล่งเงินทุนใหม่ๆ ทั้งจากพันธมิตรต่างประเทศ หรือการออกหุ้นกู้ที่มีเงื่อนไขน่าสนใจ ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยเสริมสภาพคล่อง
การสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Creation) และความแตกต่าง:
ในตลาดที่เต็มไปด้วยคู่แข่ง การสร้างความแตกต่างคือสิ่งสำคัญ ไม่ใช่แค่การสร้างบ้านหรือคอนโด แต่เป็นการสร้าง “ประสบการณ์” และ “คุณภาพชีวิต”
โครงการที่เน้นคุณภาพการก่อสร้าง, ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์, ฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เฉพาะกลุ่ม, และบริการหลังการขายที่เป็นเลิศ จะได้รับการตอบรับที่ดี
การผนวก เทคโนโลยีอสังหาริมทรัพย์ เข้ากับโครงการเพื่อยกระดับ Smart Living Solutions หรือการสร้าง Community Engagement จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้าง Brand Loyalty
บทบาทของ ESG และการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี:
บริษัทที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG อสังหาริมทรัพย์ จะได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุน ผู้บริโภค และสถาบันการเงิน การพัฒนาโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานทดแทน การจัดการขยะ การออกแบบเพื่อลดการใช้พลังงาน หรือการส่งเสริมสังคมรอบข้าง จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและเป็นแต้มต่อในการแข่งขัน
โอกาสและความท้าทายในปี 2568 สำหรับนักลงทุน
สำหรับนักลงทุน ปี 2568 อาจเป็นปีที่น่าสนใจ หากคุณมีข้อมูลและการวางแผนที่ดี
โอกาส:
อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนที่สร้าง Passive Income: คอนโดมิเนียมให้เช่าในทำเลท่องเที่ยวหรือใกล้แหล่งงาน มินิโรงแรม หรือเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเมื่อภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวเต็มที่
ลงทุนใน REITs (Real Estate Investment Trusts) หรือ Property Fund: เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและรับผลตอบแทนจากอสังหาริมทรัพย์โดยตรง โดยไม่ต้องแบกรับภาระในการบริหารจัดการ
ทำเลทองใหม่ๆ: การขยายโครงข่ายคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานจะสร้าง ราคาประเมินอสังหาริมทรัพย์ ที่เพิ่มขึ้นในทำเลที่เคยเป็นพื้นที่รอง นักลงทุนที่มองเห็นโอกาสก่อนผู้อื่นจะได้เปรียบ
อสังหาริมทรัพย์มือสอง: ในช่วงที่ตลาดมีอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาดมาก การเฟ้นหาอสังหาริมทรัพย์มือสองในราคาที่น่าสนใจและมีศักยภาพในการปรับปรุงเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ทำกำไรได้ดี
ความท้าทาย:
ความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย: ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อต้นทุนการเงินและการตัดสินใจลงทุน
ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ: ทั้งภายในและภายนอกประเทศยังคงเป็นความเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง: แม้จะเริ่มมีการปรับใช้อย่างเต็มที่ แต่การทำความเข้าใจกฎเกณฑ์และการคำนวณภาษีเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักลงทุน
การแข่งขันสูง: ทั้งจากผู้ประกอบการรายใหญ่และรายย่อย ทำให้การเฟ้นหาโอกาสที่โดดเด่นต้องอาศัยการวิเคราะห์ที่แม่นยำ
บทสรุปและคำเชิญชวน
ปี 2568 จะเป็นปีที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงมีการแข่งขันที่รุนแรง และเต็มไปด้วยปัจจัยที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ กลับมีโอกาสมหาศาลสำหรับผู้ที่พร้อมปรับตัว ผู้ที่เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค และผู้ที่กล้าที่จะนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการดำเนินธุรกิจ
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมเชื่อว่ากุญแจสู่ความสำเร็จในปีนี้ ไม่ได้อยู่ที่ขนาดของบริษัทเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ความสามารถในการปรับตัว, การสร้างมูลค่าเพิ่ม, การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ, และการดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบของความยั่งยืน ผู้เล่นรายใหญ่ที่แข็งแกร่งจะยังคงรักษาความเป็นผู้นำได้ หากพวกเขายังคงนวัตกรรมและเข้าถึงความต้องการของตลาดได้อย่างแท้จริง ขณะที่ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กก็ยังมีโอกาสในการเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ที่มีความต้องการเฉพาะเจาะจง
หากคุณคือนักลงทุน ผู้ประกอบการ หรือผู้ที่กำลังมองหาโอกาสในการครอบครอง อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ในปี 2568 การทำความเข้าใจและวิเคราะห์แนวโน้มเหล่านี้อย่างลึกซึ้งคือก้าวแรกสู่ความสำเร็จในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ อย่ารอช้าที่จะศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม วางแผนอย่างรอบคอบ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อปลดล็อกศักยภาพใน ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ไปกับเราวันนี้!

