ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ สำหรับ น้องแสนดี ลูกสาวคนเดียวของ โอ๋ ภัคจีรา เพราะว่าเป็นเด็กกล้าแสดงออกตั้งแต่เด็กๆ ชอบร้องเพลงและเต้นให้พี่ๆ เห็นมาเรื่อยๆ
จนล่าสุดฝีมือเริ่มพัฒนาไปไกล ฉายแววศิลปินเต็มตัว อย่างคลิปล่าสุดที่ น้องแสนดี ได้โชว์โมเมนต์แสดงความสามารถ ทั้งร้องเพลงก็เพราะ แถมตีกลองได้อีก เท่มาก
ทำเอาคนเป็นแม่ภูมิใจหนักมาก ขอโชว์ความสามารถของลูกสาวให้ทุกคนได้เห็นผ่านโซเชียล ก็มีลูกสาวทั้งสวยทั้งเก่งแบบนี้

ภูมิทัศน์เศรษฐกิจมหภาคและนโยบายภาครัฐ: แรงขับเคลื่อนสำคัญของตลาดอสังหาฯ 2568
ปี 2568 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยกำลังเผชิญกับปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคทั้งในและต่างประเทศที่หล่อหลอมทิศทางตลาดอย่างมีนัยสำคัญ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งเป็นแรงหนุนสำคัญที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมและอ้อมไปถึงภาคอสังหาฯ โดยเฉพาะในทำเลทองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวและย่านธุรกิจสำคัญ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงมีอยู่จากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แม้จะเริ่มทรงตัวหรือมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการและการตัดสินใจขอสินเชื่อบ้านของผู้ซื้อ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ซื้อบ้านหลังแรกหรือกลุ่มที่ต้องการที่อยู่อาศัยในระดับราคาปานกลางถึงล่าง การเข้าถึงสินเชื่อบ้านยังคงเป็นข้อจำกัดที่สำคัญ
นอกจากนี้ นโยบายภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการชี้นำตลาด ในปี 2568 เราเห็นความต่อเนื่องของมาตรการกระตุ้นที่อยู่อาศัย เช่น การลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองสำหรับอสังหาริมทรัพย์บางประเภท ซึ่งเป็นแรงจูงใจที่ช่วยผลักดันการตัดสินใจซื้อ อย่างไรก็ดี รัฐบาลยังคงต้องเผชิญกับความสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจกับการบริหารจัดการหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับเปลี่ยนมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ในอนาคต การส่งเสริมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ยังคงเป็นหัวใจสำคัญที่สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าและโครงการพัฒนาเมืองในพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ และเมืองหลัก การเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมไม่เพียงแต่เพิ่มมูลค่าที่ดิน แต่ยังสร้างทำเลศักยภาพใหม่ๆ สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยเชิงพาณิชย์และอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนอีกด้วย
พฤติกรรมผู้บริโภคและทิศทางความต้องการ: สู่ความหลากหลายและยั่งยืน
สิ่งที่น่าสนใจในปี 2568 คือการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภค ผู้ซื้อในยุคปัจจุบันมีความละเอียดอ่อนและต้องการความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องราคาแต่รวมถึงคุณภาพ ฟังก์ชันการใช้งาน และการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เฉพาะบุคคล กลุ่ม Gen Z และ Millennial กำลังกลายเป็นกำลังซื้อหลัก ทำให้โครงการที่อยู่อาศัยต้องปรับตัวให้เข้ากับความต้องการเหล่านี้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียมที่เน้นพื้นที่ใช้สอยที่ยืดหยุ่น การออกแบบที่ทันสมัย หรือทาวน์โฮมที่มีพื้นที่สีเขียวและการเชื่อมต่อกับชุมชน
ความต้องการที่อยู่อาศัยในกลุ่มบ้านเดี่ยวที่มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในทำเลชานเมืองที่เดินทางสะดวก ซึ่งตอบสนองความต้องการของครอบครัวที่มองหาความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ขณะเดียวกันตลาดอสังหาฯ หรูยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูงทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่มองหาโครงการที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลก และบริการเหนือระดับ นอกจากนี้ เทรนด์ของอสังหาริมทรัพย์ยั่งยืน (Sustainable Real Estate) กำลังมาแรง ผู้บริโภคเริ่มให้ความสำคัญกับโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การประหยัดพลังงาน และการใช้เทคโนโลยีเพื่อลดผลกระทบต่อธรรมชาติ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถนำเสนอคุณค่าเหล่านี้ได้ จะได้รับความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างมหาศาล
กลยุทธ์ผู้ประกอบการ: การปรับตัวคือหัวใจสู่ความสำเร็จ 2568
ท่ามกลางความผันผวน ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำต่างงัดกลยุทธ์ที่หลากหลายเพื่อรับมือและสร้างการเติบโต แม้ในปี 2566 รายได้รวมของหลายบริษัทในตลาดหลักทรัพย์จะมีการปรับลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 2565 โดยมี 25 จาก 41 บริษัทที่มีรายได้ลดลง ซึ่งสะท้อนถึงช่วงเวลาที่ตลาดเผชิญความท้าทายหนักหน่วง แต่บทเรียนจากช่วงเวลานั้นได้หล่อหลอมให้กลยุทธ์ในปี 2568 มีความรัดกุมและมองไปข้างหน้ามากขึ้น
การกระจายความเสี่ยงและพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์: บริษัทที่ประสบความสำเร็จในปี 2568 มักไม่ใช่แค่ผู้เชี่ยวชาญด้านที่อยู่อาศัย แต่เป็นผู้ที่กระจายการลงทุนไปยังอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนประเภทอื่นๆ เช่น โครงการมิกซ์ยูส (Mixed-use Project) ที่รวมทั้งที่อยู่อาศัย ออฟฟิศค้าปลีกและโรงแรม ซึ่งช่วยสร้างกระแสเงินสดที่หลากหลายและลดการพึ่งพิงตลาดที่อยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว บริษัทอย่าง เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเก็บเกี่ยวรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนาไว้ในช่วงก่อนหน้า โดยในปี 2566 มีรายได้จากการขายเติบโตถึง 103% และคาดว่าปี 2568 จะยังคงเห็นการขยายตัวในกลุ่มโครงการที่อยู่อาศัยควบคู่ไปกับศูนย์การค้าและโรงแรม
การบริหารจัดการต้นทุนและหนี้สิน: ความสามารถในการทำกำไรสุทธิยังคงเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่แท้จริง แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) ซึ่งมียอดกำไรสูงสุดในปี 2566 แม้จะมีรายได้จากการขายที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการสินทรัพย์และการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการลงทุนและการขายสินทรัพย์ที่มีศักยภาพ ซึ่งเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับผู้ประกอบการรายอื่นในปี 2568 ที่จะต้องหันมาให้ความสำคัญกับการบริหารพอร์ตโฟลิโออย่างชาญฉลาด ไม่ใช่แค่การเร่งยอดขาย
การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ (PropTech): การใช้เทคโนโลยีอสังหาฯ (PropTech) ไม่ใช่แค่ทางเลือกแต่เป็นสิ่งจำเป็น ตั้งแต่การตลาดดิจิทัล การใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ไปจนถึงการใช้ VR/AR ในการนำเสนอโครงการ การสร้างบ้านอัจฉริยะ (Smart Home) และการบริหารจัดการอาคารอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ประกอบการที่นำ PropTech มาปรับใช้จะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขึ้น ลดต้นทุน และสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับผู้ซื้อ
เจาะลึกผู้เล่นหลัก: ใครคือผู้นำในปี 2568?
หากวิเคราะห์จากกลยุทธ์และความสามารถในการปรับตัวจากฐานข้อมูลในอดีต (ปี 2566-2567) สู่แนวโน้มในปี 2568 เราสามารถจัดกลุ่มผู้เล่นหลักในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยได้ดังนี้:
กลุ่มผู้นำตลาดที่ยังคงแข็งแกร่ง:
แสนสิริ (Sansiri): ด้วยความสามารถในการปรับตัวและสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง แสนสิริยังคงเป็นหนึ่งในผู้นำด้านรายได้รวม ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกเซกเมนต์ ตั้งแต่ที่อยู่อาศัยระดับกลางไปจนถึงอสังหาฯ หรู การเติบโตของกำไรสุทธิถึง 42% ในปี 2566 สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการที่คาดว่าจะยังคงเดินหน้าต่อไปในปี 2568 ด้วยการขยายตลาดและมองหาโอกาสใหม่ๆ ในกลุ่มต่างชาติ
เอพี (ไทยแลนด์) (AP (Thailand)): แชมป์ยอดขายที่แท้จริงในปี 2566 ด้วยรายได้จากการขายสูงสุดถึง 36,927 ล้านบาท AP ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในการสร้างยอดขายที่แข็งแกร่งในทุกสภาวะตลาด โดยเฉพาะในกลุ่มคอนโดมิเนียมและทาวน์โฮมที่ตอบโจทย์ชีวิตคนเมือง กลยุทธ์ในปี 2568 น่าจะยังคงเน้นการเปิดโครงการใหม่ในทำเลศักยภาพ การนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขายและการสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดีเยี่ยม
ศุภาลัย (Supalai): ด้วยรากฐานที่มั่นคงและกลยุทธ์การบริหารต้นทุนที่ดี ศุภาลัยยังคงรักษาสถานะผู้เล่นหลักทั้งด้านยอดขายและกำไรสุทธิ การเน้นโครงการคุณภาพในระดับราคาที่เข้าถึงได้ ควบคู่กับการขยายตลาดสู่ต่างจังหวัด ทำให้ศุภาลัยเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีความยืดหยุ่นสูงและสามารถสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์และมูลค่าเพิ่ม:
แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (Land and Houses): แม้ยอดขายอาจไม่ได้สูงที่สุด แต่ความสามารถในการสร้างกำไรสูงสุดในปี 2566 จากการบริหารพอร์ตโฟลิโออย่างชาญฉลาด รวมถึงการขายสินทรัพย์เพื่อการลงทุน แสดงให้เห็นถึงโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นในปี 2568 LH จะยังคงเป็นผู้เล่นสำคัญที่เน้นการสร้างมูลค่าระยะยาวและการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์คุณภาพสูง
เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC Asset Corporation): การขยับขึ้นสู่ Top 5 ทั้งด้านรายได้จากการขายและการเติบโตของรายได้ที่โดดเด่นในปี 2566 แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ SC Asset ในการจับตลาดที่อยู่อาศัยระดับบนและกลางบนได้อย่างแม่นยำ ด้วยการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์และการบริการที่เป็นเลิศ คาดว่าในปี 2568 SC Asset จะยังคงรักษาโมเมนตัมนี้ไว้และอาจขยายสู่ตลาดใหม่ๆ
ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (Origin Property): แม้กำไรในปี 2566 อาจลดลงบ้าง แต่ Origin ยังคงเป็นผู้นำด้านการสร้างสรรค์โครงการมิกซ์ยูสและคอนโดมิเนียมในทำเล CBD และใกล้รถไฟฟ้า การจับกลุ่มลูกค้าเฉพาะทางและความร่วมมือกับพันธมิตรต่างชาติยังคงเป็นจุดแข็งที่ทำให้ Origin สามารถเติบโตได้ในระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
กลุ่มผู้ปรับตัวและสร้างโอกาส:
เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) (Frasers Property (Thailand)): ด้วยความแข็งแกร่งในอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม ควบคู่ไปกับการพัฒนาที่อยู่อาศัย Frasers Property มีความได้เปรียบในการกระจายความเสี่ยงและสร้างรายได้ที่มั่นคง การขยายตัวในกลุ่มธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในปี 2568
ควอลิตี้ เฮ้าส์ (Quality Houses): แม้จะดูเหมือนดำเนินงานแบบเงียบๆ แต่ QH ยังคงเป็นผู้เล่นที่มีกำไรสุทธิที่สม่ำเสมอ ด้วยการบริหารจัดการโครงการอย่างมีประสิทธิภาพและการเลือกทำเลที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ความต้องการพื้นฐานของผู้ซื้อ การเน้นคุณภาพและส่งมอบตรงเวลาเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ QH รักษาฐานลูกค้าได้
พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (Property Perfect): การปรับตัวและนำเสนอโครงการที่น่าสนใจยังคงเป็นสิ่งที่ Property Perfect มุ่งเน้น การมองหาพันธมิตรและกลยุทธ์การตลาดที่สร้างสรรค์จะเป็นหัวใจสำคัญในการแข่งขันในปี 2568
แนวโน้มสำคัญและโอกาสในอนาคตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย 2568
ปี 2568 ไม่ใช่แค่ปีแห่งการฟื้นตัว แต่เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่จะกำหนดทิศทางของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในทศวรรษหน้า
การเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ยั่งยืน: ESG (Environmental, Social, and Governance) ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นมาตรฐานใหม่ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผู้พัฒนาที่เน้นการออกแบบอาคารประหยัดพลังงาน การใช้วัสดุรีไซเคิล การสร้างพื้นที่สีเขียว และการบริหารจัดการของเสียอย่างยั่งยืน จะได้รับการยอมรับจากทั้งผู้ซื้อและนักลงทุน การขอสินเชื่อบ้านสำหรับโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมก็อาจมีเงื่อนไขที่ดีขึ้น
PropTech และ Digital Transformation: การใช้เทคโนโลยีอสังหาฯ จะก้าวหน้าไปอีกขั้น ตั้งแต่การตลาดและการขายแบบ Online-to-Offline ไปจนถึงการใช้ Big Data และ AI ในการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด การบริหารจัดการอาคารอัจฉริยะ (Smart Building Management) และการสร้างแพลตฟอร์มการซื้อขายและเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่ไร้รอยต่อ สิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่า
การกลับมาของนักลงทุนต่างชาติและการขยายตลาดต่างประเทศ: เมื่อเศรษฐกิจโลกเริ่มมีเสถียรภาพและภาคการท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวอย่างเต็มที่ เราจะเห็นการกลับมาของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน ตะวันออกกลาง และยุโรป ที่มองหาโอกาสในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในไทย ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียมหรู โรงแรม หรืออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน การที่ผู้ประกอบการไทยขยายตลาดไปสู่กลุ่มลูกค้าต่างชาติโดยตรง จะเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างยอดขายใหม่ๆ
ตลาดบ้านมือสองและการรีโนเวท: ด้วยราคาที่ดินที่สูงขึ้นและต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ตลาดบ้านมือสองที่มีศักยภาพในการรีโนเวท จะได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะจากกลุ่มที่ต้องการบ้านในทำเลใจกลางเมืองแต่มีงบประมาณจำกัด ผู้ประกอบการบางรายอาจหันมาให้ความสนใจกับการพัฒนาหรือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มือสองมากขึ้น
อสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพและผู้สูงอายุ (Wellness & Elderly Living): สังคมสูงวัยของไทยกำลังเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่ตอบสนองความต้องการของผู้สูงอายุ ทั้งในด้านการออกแบบ ฟังก์ชันการใช้งาน และบริการดูแลสุขภาพ ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูงในระยะยาว
สรุป: ปี 2568 ปีแห่งการพิสูจน์ “วิสัยทัศน์” และ “ความยืดหยุ่น”
จากข้อมูลเชิงลึกและแนวโน้มที่กล่าวมาข้างต้น ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2568 จะเป็นปีที่เต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทายที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จจะไม่ใช่แค่ผู้ที่มีกำลังเงินทุนมหาศาล แต่เป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล กล้าที่จะปรับเปลี่ยนและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ รวมถึงมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุน พอร์ตโฟลิโอ และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินทรัพย์ จะเป็นหัวใจสำคัญในการสร้าง “กำไรสุทธิ” ที่ยั่งยืนและทำให้พวกเขากลายเป็น “ผู้ชนะตัวจริง” ในสมรภูมิแห่งนี้
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ผมขอเน้นย้ำว่าปี 2568 คือปีที่ผู้ประกอบการต้องก้าวข้ามกรอบความคิดเดิมๆ และมุ่งเน้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมในทุกมิติ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ตลาดกำลังรอผู้เล่นที่มีวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นที่จะนำพาอุตสาหกรรมนี้ไปสู่อนาคตที่สดใส
หากคุณเป็นนักลงทุน ผู้พัฒนา หรือผู้ที่สนใจในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย และต้องการเจาะลึกข้อมูลเชิงกลยุทธ์เฉพาะด้าน หรือมองหาโอกาสในการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายของคุณ อย่าลังเลที่จะติดต่อเราเพื่อขอรับคำปรึกษา เราพร้อมที่จะแบ่งปันประสบการณ์และข้อมูลเชิงลึก เพื่อนำพาคุณสู่ความสำเร็จในตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2568 และอนาคต.

