แต้ว ณฐพร เผยแผนมีลูกปีหน้า เล็งวิธีธรรมชาติ – อัปเดตน้ำท่วมบ้านคุณย่าปากเกร็ด พร้อมบริจาคน้ำดื่มช่วยภาคใต้

หลังจากที่นางเอกสาว แต้ว ณฐพร จูงมือ ณัย ประณัย เข้าพิธีวิวาห์ไปเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 68 ที่ผ่านมา ล่าสุดวันนี้ (28 พ.ย. 68) สาว แต้ว ก็ได้ออกมาอัปเดตชีวิตหลังทำหน้าที่ศรีภรรยามาเกือบ 1 ปีว่า ตอนนี้ทำหน้าที่ศรีภรรยาแล้ว ก็มีปอกผลไม้บ้าง อะไรบ้าง ในการเป็นแม่บ้านอาจจะยังไม่คล่อง แต่ก็รู้สึกเอ็นจอย ส่วนเพื่อน ๆ ด้วยอายุอาจจะทำให้ห่างหายกันไปบ้าง แต่ก็พยายามนัดเจอตลอด ในเรื่องการทำงานในวงการบันเทิงก็ยังทำอยู่บ้าง เพราะเป็นคนไม่ชอบอยู่นิ่ง ๆ แต่อาจจะไม่ใช่สายของการแสดงเยอะ แต่จริง ๆ ตนก็ไม่ได้หายไปไหน

เรื่องทายาท สาว แต้ว แย้มว่าวางแผนไว้ในช่วงปีหน้า โดยวิธีธรรมชาติก่อน พยายามดูแลสุขภาพให้แข็งแรง แต่จะมีง่ายหรือยากตนก็ไม่อยากเครียด เพราะทางสามีและผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่ายก็ไม่ได้กดดันอะไร ตอนนี้มองว่าชิลล์ ๆ แต่ก็ยอมรับว่าอายุ 36 ปีแล้ว การมีลูกจึงต้องปรึกษากับคุณหมอตลอด

ส่วนเรื่องน้ำท่วมบ้านคุณย่า ที่ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ตอนนี้ก็ยังท่วมอยู่และท่วมทุกปี ตนไม่ค่อยแปลกใจเรื่องน้ำท่วม แต่แปลกใจที่น้ำมาเร็วและยังไม่ลด ซึ่งความเสียหายไม่ได้เสียหายมาก เพราะท่วมทุกปีทำให้มีเวลาเตรียมตัวรับมือ ตนพยายามทำบ้านยกสูง และสามารถย้ายเฟอร์นิเจอร์ได้ โดยคุณแม่ก็จะไปเยี่ยมตลอด ตอนนี้ยังเข้าไปได้เพราะมีพื้นที่ที่เราถมดินขึ้นมาเพื่อจอดรถ และมีถนนที่ทำขึ้นมาเพื่อใช้เดินทางเข้าไปอยู่ ซึ่งก็มีแผนสำรองโดยตนมีบ้านอยู่ด้านหน้า พยายามที่จะบอกคุณย่า แต่เราก็จะดูเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก และถ้ามันเสี่ยงจริง ๆ เราก็จะย้ายคุณย่าออกมา โดยคุณย่าชินกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะเจอทุกปี

ส่วนน้ำท่วมภาคใต้ แต้ว มองว่าค่อนข้างจะหนัก จึงขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือกัน เชื่อว่ากำลังใจโดยไม่ใช่แค่กำลังใจซึ่งหมายถึงการช่วยเหลือจากทุกคน ที่มีกำลังทรัพย์หรือแรงกายที่ส่งไปถึงทุกคน และเป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้ ซึ่งตนได้บริจาคน้ำดื่มไป ตอนนี้ก็กำลังดูว่าคนต้องการอะไรบ้าง เห็นหลายคนส่งที่ชาร์จโทรศัพท์ไป เนื่องจากว่าเราติดต่อกันไม่ได้ เราจึงไม่รู้ถึงความต้องการหลัก ๆ จริง ๆ โดยไม่อยากให้สิ่งของที่เราส่งไปกลายเป็นภาระให้กับคนอื่น แต่น้ำดื่มน่าจะเป็นสิ่งที่ต้องการหลัก โดยข่าวน้ำท่วมทางภาคใต้คุณย่ายังไม่ทราบข่าว เพราะคุณย่าเข้าโรงพยาบาลอยู่ตอนนี้ ดูแลสุขภาพของคุณย่าก่อน จึงไม่ได้เอาข่าวไปให้ท่านรับรู้มาก

ทั้งนี้ แต้ว ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทั้งผู้ประสบภัย เจ้าหน้าที่จิตอาสา รวมถึงกู้ภัย ให้มีกำลังใจไปต่อ เข้มแข็งและผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไปให้ได้ หวังว่าความช่วยเหลือจะไปถึงในทุกพื้นที่ .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

หัวข้อ: อสังหาริมทรัพย์ไทย 2025: ทิศทางตลาด, กลยุทธ์ผู้ชนะ, และโอกาสการลงทุนในยุคแห่งการพลิกโฉม

ราชอาณาจักรไทย

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่น่าจับตาและเต็มไปด้วยพลวัตอย่างยิ่ง ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการมานานกว่าทศวรรษ ผมได้เฝ้าสังเกตการณ์และวิเคราะห์ทุกการเคลื่อนไหวของตลาดนี้อย่างใกล้ชิด นับตั้งแต่การฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปหลังวิกฤตการณ์ต่างๆ มาจนถึงปี 2025 ที่เรากำลังยืนอยู่ ณ จุดเปลี่ยนสำคัญนี้ หากมองย้อนกลับไปถึงปี 2023 ที่เป็นปีแห่งความท้าทายอย่างแท้จริง ซึ่งเต็มไปด้วยแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน อัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูง และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังไม่กลับมาเต็มที่ สถานการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลให้หลายบริษัทอสังหาริมทรัพย์ต้องเผชิญกับรายได้ที่ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด การลดลงของยอดขายโดยรวม และกำไรสุทธิที่หดตัว อย่างไรก็ตาม ปี 2024 ที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นถึงสัญญาณของการปรับตัวและพลิกฟื้นในหลายมิติ แม้จะยังคงมีปัจจัยภายนอกเข้ามากระทบอยู่บ้าง แต่บริษัทที่มีวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งกลับสามารถคว้าโอกาสและสร้างผลงานที่โดดเด่นได้อย่างน่าประทับใจ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เป็นเพียงการฟื้นตัวตามวัฏจักรเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงการปรับโครงสร้างเชิงลึกของอุตสาหกรรม การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ และการให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดไปข้างหน้าในปี 2025 และในอนาคต

ปี 2025 จึงถือเป็นหมุดหมายใหม่ที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยจะก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างเต็มตัว ด้วยแรงขับเคลื่อนจากหลายปัจจัย ทั้งจากภายในประเทศและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายภาครัฐที่มุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่กำลังคืบหน้า รวมถึงการกลับมาของภาคการท่องเที่ยวที่ส่งผลบวกต่ออสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท นอกจากนี้ พฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วก็เป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่ซับซ้อนและหลากหลายมากยิ่งขึ้น บทความนี้จะนำเสนอภาพรวมเชิงลึกของการดำเนินงานของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงวิเคราะห์ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดในปี 2024 และฉายภาพแนวโน้ม โอกาส และความท้าทายของ อสังหาริมทรัพย์ไทย ในปี 2025 โดยเจาะลึกถึงกลยุทธ์ของ “ผู้ชนะตัวจริง” ที่ไม่ได้วัดกันแค่รายได้ แต่ยังรวมถึงความสามารถในการสร้างผลกำไรที่ยั่งยืน การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการตอบสนองต่อเทรนด์ใหม่ๆ ของโลก

พลิกโฉมเศรษฐกิจมหภาค: แรงขับเคลื่อนสำคัญของตลาดอสังหาฯ ปี 2025

สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2025 ได้แสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพที่เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนหน้า แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตา แต่หลายประเทศเริ่มเห็นสัญญาณการชะลอตัวลง ทำให้นโยบายการเงินผ่อนคลายความเข้มงวดลงบ้าง ซึ่งส่งผลดีต่อตลาดทุนและการลงทุนโดยรวม สำหรับประเทศไทยนั้น เศรษฐกิจได้กลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแแกร่งด้วยแรงหนุนหลักจากการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2024 ทะลุเป้าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคบริการ โรงแรม และ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการท่องเที่ยว กลับมาคึกคักอีกครั้ง นอกจากนี้ การลงทุนภาครัฐในโครงการโครงสร้างพื้นฐานเมกะโปรเจกต์หลายแห่ง เช่น รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย และการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างงานและกระจายความเจริญสู่ภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นความต้องการ อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ และที่อยู่อาศัยในพื้นที่ใกล้เคียงอีกด้วย

อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน ซึ่งเคยเป็นปัจจัยถ่วงสำคัญในช่วงปี 2023-2024 เริ่มมีแนวโน้มทรงตัวและบางธนาคารเริ่มปรับลดลงเล็กน้อย เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค สิ่งนี้เป็นสัญญาณบวกสำหรับผู้ที่ต้องการ ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือซื้อบ้านหลังแรก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อปานกลางถึงสูงที่ยังคงมองหาโอกาสในการครอบครองอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยและการลงทุนในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงอยู่ที่กำลังซื้อของกลุ่มผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง ซึ่งยังคงเผชิญกับภาระหนี้ครัวเรือนสูงและข้อจำกัดในการเข้าถึงสินเชื่อ ทำให้ผู้ประกอบการต้องหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ในเรื่องของราคาและความคุ้มค่ามากขึ้น

อีกหนึ่งเทรนด์ที่โดดเด่นคือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรสู่สังคมสูงวัย และการเพิ่มขึ้นของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยแตกต่างออกไป ทำให้เกิดความต้องการ อสังหาริมทรัพย์ประเภท Mixed-use ที่รวมที่อยู่อาศัย พื้นที่ทำงาน และสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ในที่เดียว รวมถึง อสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพและผู้สูงอายุ ซึ่งกำลังได้รับความสนใจอย่างมาก นอกจากนี้ การตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ผลักดันให้เกิดความต้องการ อสังหาริมทรัพย์ยั่งยืน หรือ “Green Buildings” มากขึ้น ผู้ซื้อยุคใหม่ให้ความสำคัญกับฟังก์ชันการใช้งานที่ประหยัดพลังงาน วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และพื้นที่สีเขียวในโครงการ ซึ่งเป็นโอกาสทองสำหรับผู้ประกอบการที่สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์นี้ได้

เจาะลึกผลประกอบการ 2024: ใครคือผู้นำตัวจริงในสังเวียนอสังหาฯ

จากการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลบริษัทอสังหาริมทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กว่า 40 แห่งในปี 2024 พบว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมเริ่มมีการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2023 โดยมีบริษัทจำนวนมากที่สามารถพลิกกลับมาสร้างการเติบโตได้อีกครั้ง แม้ว่าบางบริษัทจะยังคงเผชิญกับความท้าทายอยู่บ้าง รายได้รวมของทั้งอุตสาหกรรมในปี 2024 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นประมาณ 5-7% จากปีก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนถึงการปรับตัวและกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งของผู้ประกอบการหลายราย

หากพิจารณาจากรายได้รวม (Total Revenue) ในปี 2024 “แสนสิริ” ยังคงเป็นหนึ่งในผู้เล่นแถวหน้าที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการรักษาตำแหน่งผู้นำ ด้วยกลยุทธ์การเปิดตัวโครงการที่หลากหลายในทุกเซกเมนต์ตลาด ทั้งคอนโดมิเนียมและโครงการแนวราบ โดยเฉพาะกลุ่มบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ แสนสิริยังโดดเด่นในด้านการตลาดและการสร้างแบรนด์ที่เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถสร้างยอดขายได้อย่างสม่ำเสมอ

“เอพี (ไทยแลนด์)” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งยักษ์ใหญ่ของวงการ ก็ยังคงรักษาผลงานอันยอดเยี่ยมไว้ได้ โดยเฉพาะในกลุ่มโครงการแนวราบ ที่บริษัทมีจุดแข็งในด้านดีไซน์และฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองยุคใหม่ ในขณะที่ “ศุภาลัย” ก็ยังคงเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งในตลาด ด้วยการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีและการพัฒนาโครงการคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้ยังคงรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดได้อย่างมั่นคง

อย่างไรก็ตาม การวัดผลความสำเร็จที่แท้จริงไม่ควรมองเพียงแค่ตัวเลขรายได้รวมเท่านั้น หากแต่ต้องพิจารณาถึงแหล่งที่มาของรายได้และประสิทธิภาพในการสร้างยอดขาย ซึ่งสะท้อนถึงแก่นแท้ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จากข้อมูลในปี 2024 พบว่าหลายบริษัทที่มีรายได้รวมสูง อาจมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่การขายอสังหาริมทรัพย์โดยตรง เช่น การขายสินทรัพย์ การโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการเก่า หรือรายได้จากธุรกิจให้เช่า ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยพยุงภาพรวมทางการเงินได้ดีในภาวะตลาดที่ท้าทาย

กลยุทธ์แห่งการขาย: ผู้ที่มียอดขายสูงสุดในตลาด

เมื่อเจาะลึกที่ “รายได้จากการขาย” (Sales Revenue) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความสามารถในการขายโครงการใหม่ๆ และการโอนกรรมสิทธิ์ที่สร้างขึ้นในปีนั้นๆ โดยตรง พบว่าอันดับผู้นำมีการเปลี่ยนแปลงและแสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ในปี 2024 “เอพี (ไทยแลนด์)” ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความเป็น “แชมป์ยอดขาย” อย่างแท้จริง ด้วยรายได้จากการขายที่โดดเด่นที่สุด การเปิดตัวโครงการที่ตรงจุด การตลาดที่เข้มข้น และการบริหารจัดการการโอนกรรมสิทธิ์ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้เอพียังคงเป็นผู้นำในตลาดแนวราบ และเริ่มกลับมาแข็งแกร่งในตลาดคอนโดมิเนียมอีกครั้งหลังจากที่เคยชะลอตัวไป

“แสนสิริ” ตามมาติดๆ ด้วยยอดขายที่แข็งแกร่งเช่นกัน สะท้อนถึงการปรับกลยุทธ์ที่รวดเร็วและการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่หลากหลาย โดยเฉพาะการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มต่างชาติที่กลับมามีความต้องการอสังหาริมทรัพย์ในไทยอีกครั้งหลังการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ “เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น” ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่น่าจับตา ด้วยการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในด้านยอดขาย โดยเฉพาะโครงการระดับกลางถึงบนที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มและสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ของตนเอง

ในขณะเดียวกัน “ศุภาลัย” และ “พฤกษา โฮลดิ้ง” ก็ยังคงรักษามาตรฐานยอดขายได้ดี ด้วยจุดแข็งในการนำเสนอโครงการที่มีคุณภาพในราคาที่แข่งขันได้และมีทำเลที่ตั้งที่เข้าถึงง่าย ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคในวงกว้าง อย่างไรก็ตาม บริษัทที่เคยประสบปัญหาในการระบายสต็อกหรือมีโครงการที่เน้นตลาดเฉพาะกลุ่มมากเกินไป เช่น อสังหาริมทรัพย์หรู บางแห่งที่ราคาเข้าถึงยาก ก็ยังคงเผชิญกับความท้าทายในการสร้างยอดขายที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในปี 2024 แม้ว่าตลาดโดยรวมจะฟื้นตัวก็ตาม

กำไรสุทธิ: บทพิสูจน์ของผู้ชนะที่แท้จริง

ท้ายที่สุดแล้ว “กำไรสุทธิ” (Net Profit) คือบทสรุปที่สำคัญที่สุดของความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ เพราะเป็นตัวชี้วัดถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน การสร้างมูลค่าเพิ่ม และความสามารถในการทำกำไรอย่างยั่งยืนของบริษัท จากข้อมูลในปี 2024 ภาพรวมของกำไรสุทธิในภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นเครื่องสะท้อนถึงความท้าทายที่ยังคงมีอยู่ โดยมีหลายบริษัทที่ยังคงประสบปัญหาในการทำกำไรแม้ว่ายอดขายจะเริ่มฟื้นตัวก็ตาม ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนที่สูงขึ้น ทั้งต้นทุนที่ดิน วัสดุก่อสร้าง และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน

“แลนด์แอนด์เฮ้าส์” ยังคงเป็นผู้นำในด้านการทำกำไรสูงสุดอย่างต่อเนื่องในปี 2024 โดยมีกำไรสุทธิที่โดดเด่นกว่าบริษัทอื่นอย่างชัดเจน แม้ว่ารายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์โดยตรงอาจไม่สูงที่สุด แต่จุดแข็งของแลนด์แอนด์เฮ้าส์อยู่ที่การมีรายได้ประจำ (Recurring Income) จากธุรกิจให้เช่าและโรงแรม รวมถึงการบริหารจัดการสินทรัพย์และการลงทุนที่ชาญฉลาด ซึ่งช่วยสร้างกระแสเงินสดและผลกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ ทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่งทางการเงินอย่างแท้จริง

“ศุภาลัย” และ “เอพี (ไทยแลนด์)” ก็ยังคงแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างกำไรสุทธิที่สูง โดยเฉพาะศุภาลัยที่โดดเด่นในด้านการควบคุมต้นทุนและการเลือกซื้อที่ดินที่คุ้มค่า ในขณะที่เอพีก็มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการโครงการและการตลาดที่แข็งแกร่ง ทำให้สามารถรักษาอัตรากำไรไว้ได้ดี นอกจากนี้ “แสนสิริ” ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงการเติบโตของกำไรสุทธิที่น่าประทับใจ ด้วยการบริหารจัดการหนี้สินที่ดีขึ้นและการเร่งโอนกรรมสิทธิ์โครงการที่สร้างเสร็จ

อีกหนึ่งบริษัทที่น่าจับตามองในด้านการทำกำไรคือ “เซ็นทรัลพัฒนา” ซึ่งเริ่มเก็บเกี่ยวผลจากกลยุทธ์การขยายพอร์ตโฟลิโอไปสู่ อสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ในรูปแบบคอนโดมิเนียมและโครงการแนวราบ ควบคู่ไปกับธุรกิจศูนย์การค้าและโรงแรม โดยมีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิที่น่าสนใจ แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการกระจายความเสี่ยงและสร้างแหล่งรายได้ที่หลากหลาย

เทรนด์อสังหาฯ 2025: นวัตกรรมและความยั่งยืนขับเคลื่อนอนาคต

การก้าวเข้าสู่ปี 2025 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยกำลังเผชิญกับคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและกระแสความยั่งยืน “พร็อพเพอร์ตี้เทค” (PropTech) ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่กำลังถูกนำมาใช้ในทุกมิติของวงการ ตั้งแต่การตลาดดิจิทัล การจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ไปจนถึงการบริหารจัดการโครงการก่อสร้างด้วย BIM (Building Information Modeling) และการนำ AI มาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลตลาดเพื่อการตัดสินใจลงทุนที่แม่นยำยิ่งขึ้น ผู้ประกอบการที่ปรับตัวได้เร็วย่อมได้เปรียบในการแข่งขัน

อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ในปี 2025 จะเน้นไปที่โครงการที่มีมูลค่าเพิ่มระยะยาว เช่น อสังหาริมทรัพย์สีเขียว (Green Buildings) ที่ได้รับมาตรฐาน LEED หรือ TREES ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในระยะยาวและดึงดูดผู้เช่าหรือผู้ซื้อที่ตระหนักถึงประเด็นเหล่านี้ นอกจากนี้ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ โดยเฉพาะคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าสมัยใหม่ ก็ยังคงเป็นที่ต้องการสูงจากกระแสอีคอมเมิร์ซที่เติบโตไม่หยุด

ตลาด คอนโดมิเนียม ในปี 2025 จะมีความหลากหลายมากขึ้น โดยเน้นไปที่การออกแบบที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงและยืดหยุ่น (Flexible Living) รวมถึงการนำเสนอพื้นที่ส่วนกลางที่ครบครันและแตกต่าง เพื่อสร้างจุดเด่นในการแข่งขัน ขณะที่ตลาด บ้านเดี่ยว และ ทาวน์เฮาส์ ยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในทำเลรอบนอกเมืองที่มีการคมนาคมสะดวกและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ผู้ซื้อยังคงให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง ความเป็นส่วนตัว และคุณภาพชีวิตที่ดี

ความยั่งยืน (ESG: Environmental, Social, and Governance) จะไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นมาตรฐานที่ผู้ประกอบการต้องยึดถือ การออกแบบและก่อสร้างอาคารที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การใช้วัสดุรีไซเคิล การจัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ และการส่งเสริมสุขภาวะที่ดีของผู้อยู่อาศัย จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคและนักลงทุนใช้พิจารณา นอกจากนี้ ความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจและการมีส่วนร่วมกับชุมชนก็จะเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม การปรับตัวตาม ทิศทางอสังหาฯ เหล่านี้จะกำหนดอนาคตของตลาดในระยะยาว

บทสรุปและโอกาสการลงทุนปี 2025

ปี 2025 ถือเป็นปีแห่งโอกาสและความท้าทายที่ซับซ้อนสำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จคือผู้ที่สามารถผสานรวมกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่ง การควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ การนำนวัตกรรมมาใช้ และการให้ความสำคัญกับความยั่งยืนเข้าไว้ด้วยกัน การวิเคราะห์ผลประกอบการจากปี 2024 แสดงให้เห็นว่า “ผู้ชนะที่แท้จริง” ไม่ใช่เพียงแค่ผู้ที่มียอดขายหรือรายได้รวมสูงสุดเท่านั้น แต่เป็นผู้ที่สามารถเปลี่ยนยอดขายเหล่านั้นให้กลายเป็นกำไรสุทธิได้อย่างยั่งยืน และมีกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดอยู่เสมอ

สำหรับผู้ที่กำลังมองหา โอกาสลงทุนอสังหาฯ ในปี 2025 ผมในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ ขอแนะนำให้พิจารณาปัจจัยสำคัญเหล่านี้: ทำเลที่ตั้งที่เชื่อมต่อกับโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ โครงการที่เน้นความยั่งยืนและพลังงานสะอาด อสังหาริมทรัพย์เพื่อการท่องเที่ยวในเมืองรองที่มีศักยภาพ และอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบโจทย์สังคมสูงวัยหรือกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความต้องการเฉพาะเจาะจง การศึกษาข้อมูลเชิงลึกและการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดในตลาดที่กำลังพลิกผันนี้

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2025 กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยศักยภาพและความเป็นไปได้ หากคุณต้องการข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุน กลยุทธ์การพัฒนา หรือต้องการคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อนำทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของคุณสู่ความสำเร็จ อย่าลังเลที่จะติดต่อเราเพื่อพูดคุยถึงโอกาสและอนาคตร่วมกัน เราพร้อมที่จะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ช่วยให้คุณคว้าชัยชนะในสังเวียนอสังหาริมทรัพย์แห่งนี้.