จากกรณีชาวบ้านในพื้นที่ บ้านหนองบัวแดง ตำบลนายาง อำเภอสบปราบ จังหวัดลำปาง ร้องขอความช่วยเหลือหลังชายคนหนึ่งซึ่งรายงานว่าเป็น ผู้ป่วยจิตเวชและไม่ยอมกินยา ก่อเหตุทำร้ายสุนัขหลายครั้งต่อเนื่อง บางครั้งใช้ปั๊มลมยัดรูก้นสุนัขจนร้องโหยหวนและตายไป ส่วนสุนัขตัวอื่น ๆ ถูกทำร้าย กระทั่งสุนัขที่เลี้ยงไว้ทยอยตายหมด และล่าสุดยังมีคลิปเหตุการณ์ที่เพื่อนบ้านบันทึกไว้ได้เป็นหลักฐาน

หลังจากเกิดเหตุร้องเรียนสะเทือนใจในพื้นที่อำเภอสบปราบ จังหวัดลำปาง พบว่าเจ้าหน้าที่เคยเข้าพูดคุยและชายรายดังกล่าวเคยให้การรับปากว่าจะไม่ทำอีก แต่ล่าสุดมีเพื่อนบ้านร้องเรียนว่า ได้ทารุณสุนัขตัวใหม่อีกครั้ง จนต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบโดยด่วน
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สบปราบ เข้าตรวจสอบที่บ้านพัก พบชายผู้ก่อเหตุคือ นายศรัณย์ อายุ 32 ปี ชาวตำบลนายาง อ.สบปราบ จ.ลำปาง ตรวจสอบประวัติพบว่า มีหมายจับของศาลจังหวัดลำปางลงวันที่ 10 มีนาคม 2568 ในคดีเสพยาเสพติดประเภท 1 (แอมเฟตามีน) มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและอยู่ระหว่างการหลบหนีหลังเคยได้รับการปล่อยตัว
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2568: ถอดรหัสปีแห่งความท้าทาย สู่โอกาสทองในการลงทุนและพัฒนา
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยมานับทศวรรษ ผมขอยืนยันว่าปี 2567 ที่ผ่านมา เป็นอีกหนึ่งปีที่เปรียบเสมือนบททดสอบครั้งสำคัญสำหรับผู้ประกอบการและนักลงทุนในภาคส่วนนี้ ท่ามกลางกระแสลมเศรษฐกิจที่ผันผวน ทั้งจากปัจจัยภายในประเทศและการเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลก ตลาดได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและความยืดหยุ่นที่น่าสนใจหลายประการ หากมองย้อนกลับไป การคาดการณ์ที่เคยมีในปี 2566 ว่าปีถัดไปจะยังคงเป็นปีที่ยากลำบากนั้น ก็ยังคงเป็นความจริงในหลายมิติ แต่ก็มีแสงสว่างและโอกาสใหม่ๆ เกิดขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ประกอบการที่มีวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ที่เฉียบคม
จากประสบการณ์ตรงและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของผู้ประกอบการในตลาดหลักทรัพย์กว่า 40 ราย ที่ Property Expert ได้ทำการรวบรวมและประมวลผล เราพบว่าในปี 2567 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงเผชิญกับแรงกดดันหลายด้าน แต่ก็มีการปรับโครงสร้างและกลยุทธ์ที่น่าจับตา ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องมาถึง เทรนด์อสังหาริมทรัพย์ 2568 ที่กำลังจะมาถึง
ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2567: บทพิสูจน์ความยืดหยุ่น
ปี 2567 เริ่มต้นด้วยความหวังเล็กๆ จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว แต่กลับต้องเผชิญกับปัจจัยท้าทายที่คาดไม่ถึงหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง กดดันกำลังซื้อของผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มเรียลดีมานด์ในตลาดกลางถึงล่าง หนี้ครัวเรือนที่ยังคงเป็นภาระหนัก และความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการพิจารณาสินเชื่อ ทำให้การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเป็นไปอย่างระมัดระวังมากขึ้น
ภาพรวมของตลาดในปี 2567 สะท้อนออกมาในรูปของยอดรวมรายได้และยอดขายของผู้ประกอบการจดทะเบียน โดยรวมแล้ว 41 บริษัทชั้นนำสามารถสร้างรายได้รวมกันกว่า 3.8 แสนล้านบาท ซึ่งแม้จะมีการเติบโตเล็กน้อยราว 2-3% จากปี 2566 แต่เมื่อเจาะลึกเข้าไปจะพบว่าไม่ใช่การเติบโตที่กระจายตัวอย่างทั่วถึง มีเพียงประมาณครึ่งหนึ่งของบริษัทเท่านั้นที่มีรายได้รวมเพิ่มขึ้น ขณะที่อีกครึ่งยังคงต้องเผชิญกับภาวะหดตัว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่ดุเดือดและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่รวดเร็ว
ตลาดคอนโดมิเนียมโดยเฉพาะในพื้นที่ใจกลางเมืองยังคงได้รับผลกระทบจากซัพพลายคงค้างและกำลังซื้อที่ชะลอตัว แม้จะมีแรงหนุนจากนักลงทุนต่างชาติบางส่วน แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะพลิกฟื้นตลาดได้อย่างเต็มที่ ในทางกลับกัน ตลาดบ้านจัดสรรพรีเมียมและทาวน์เฮาส์ในทำเลรอบนอกเมืองที่เข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ กลับยังคงเติบโตได้ดี สะท้อนถึงความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้น ความเป็นส่วนตัว และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หลังจากการเรียนรู้จากช่วงโรคระบาด
เจาะลึกผลประกอบการ: ใครคือดาวเด่นและผู้ที่ต้องปรับตัวในปี 2567?
หากพิจารณาจากรายได้รวม ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีพอร์ตโฟลิโอหลากหลาย และมีการบริหารจัดการที่แข็งแกร่งยังคงสามารถครองส่วนแบ่งตลาดและสร้างการเติบโตได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่มีการกระจายความเสี่ยงไปในธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่เพียงแค่การขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย เช่น ธุรกิจให้เช่า ธุรกิจโรงแรม หรือธุรกิจคอมเมอร์เชียล ซึ่งช่วยพยุงภาพรวมรายได้ไว้ได้อย่างมั่นคง
ในกลุ่มบริษัทที่มีรายได้รวมเติบโตโดดเด่น มักจะเป็นผู้ที่สามารถปรับกลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว เน้นการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) เช่น โครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Senior Living) โครงการที่เน้นฟังก์ชัน Smart Home และการใช้พลังงานสะอาด หรือโครงการ Mixed-Use ที่รวมที่อยู่อาศัย พื้นที่ค้าปลีก และสำนักงานเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้เกิด Ecosystem ที่ครบวงจร ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่
ในทางกลับกัน บริษัทที่ยังคงพึ่งพารายได้จากการขายโครงการขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวไปก่อนหน้าและยังมียอดคงเหลือสูง มักจะเผชิญกับความท้าทายในการระบายสต็อก และมีรายได้รวมที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ตัวอย่างเช่น บริษัทที่เน้นตลาดคอนโดมิเนียมลักชัวรีที่ต้องพึ่งพากำลังซื้อจากต่างชาติเป็นหลัก หากไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ ก็จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลประกอบการ
รายได้จากการขาย (Pre-sales): ตัวชี้วัดขีดความสามารถที่แท้จริง
หากวัดกันที่รายได้จากการขาย ซึ่งสะท้อนถึงขีดความสามารถในการแข่งขันและการดึงดูดลูกค้า ผลลัพธ์ในปี 2567 ก็ยิ่งชัดเจนว่าตลาดนี้เป็นของนักรบที่แข็งแกร่งเท่านั้น ยอดรวมรายได้จากการขายของ 41 บริษัทลดลงเล็กน้อยราว 5-7% จากปี 2566 ซึ่งถือเป็นการชะลอตัวที่ต่อเนื่อง แต่ก็มีผู้เล่นบางรายที่ยังคงทำยอดขายได้อย่างน่าประทับใจ
ผู้ที่ทำยอดขายได้โดดเด่นมักจะเป็นบริษัทที่มีกลยุทธ์การตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ มีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ในราคาที่จับต้องได้ หรือเป็นโครงการในกลุ่ม บ้านเดี่ยวราคาแพง และ คอนโดมิเนียมหรู ในทำเลศักยภาพที่ยังมีดีมานด์อยู่ แม้ตลาดจะซบเซา แต่ดีมานด์ในกลุ่มกำลังซื้อสูงยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยี PropTech ไทย มาใช้ในการนำเสนอโครงการ การสร้างประสบการณ์เสมือนจริง (Virtual Tour) และการทำการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กำไรสุทธิ: หัวใจสำคัญของความอยู่รอด
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในการดำเนินธุรกิจคือ “กำไรสุทธิ” ซึ่งสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุนและการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการ โดยรวมแล้วกำไรสุทธิของทั้ง 41 บริษัทปรับตัวลดลงประมาณ 8-10% จากปี 2566 ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่า แม้บางบริษัทจะยังคงรักษารายได้ไว้ได้ แต่แรงกดดันด้านต้นทุน ทั้งค่าก่อสร้าง ค่าแรงงาน และค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่สูงขึ้น ได้กัดกร่อนความสามารถในการทำกำไรอย่างรุนแรง
ในปี 2567 มีหลายบริษัทที่ต้องแบกรับผลขาดทุนต่อเนื่อง ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากโครงการเก่าที่ต้องแบกรับต้นทุนการเงินที่สูงขึ้น และการแข่งขันด้านราคาเพื่อระบายสต็อก อย่างไรก็ตาม บริษัทที่สามารถทำกำไรได้สูงสุด มักจะเป็นผู้ที่มีกลยุทธ์การบริหารจัดการหนี้สินที่ดี การลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น และการปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ การขายสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-core Assets) หรือการนำสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุน (REITs) ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างกำไรพิเศษและเสริมสภาพคล่องให้กับบริษัทได้
กลยุทธ์เด่นที่ขับเคลื่อนความสำเร็จในปี 2567
จากการ วิเคราะห์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ เราพบว่าผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จในปี 2567 มี กลยุทธ์อสังหาริมทรัพย์ ที่โดดเด่นและน่าศึกษาดังนี้:
การปรับพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ (Product Diversification): ลดการพึ่งพาโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ หันไปพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคใหม่ รวมถึงการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่มาพร้อมบริการ (Serviced Apartments) หรือ Mixed-Use Projects
การเข้าถึงตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market Penetration): เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง กลุ่มชาวต่างชาติที่กลับมาลงทุน ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ในไทยหลังจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว หรือกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการพิเศษ เช่น บ้านสำหรับผู้สูงอายุ หรือบ้านที่มีฟังก์ชันการทำงานจากที่บ้าน (Work from Home)
การบูรณาการเทคโนโลยี (PropTech Adoption): ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการออกแบบ ก่อสร้าง การขาย และการบริหารจัดการโครงการ ตั้งแต่ AI สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ไปจนถึง IoT สำหรับ Smart Home Solutions ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าและประสิทธิภาพ
การพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development): เน้นการออกแบบและก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานทางเลือก การจัดการของเสีย และการสร้างพื้นที่สีเขียว ซึ่งไม่เพียงแต่ตอบโจทย์เทรนด์โลก แต่ยังช่วยลดต้นทุนระยะยาวและดึงดูดลูกค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
ความแข็งแกร่งทางการเงิน (Financial Prudence): การบริหารจัดการสภาพคล่อง การลดหนี้ที่ไม่จำเป็น และการแสวงหาแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนต่ำ เป็นกุญแจสำคัญในการรอดพ้นจากภาวะดอกเบี้ยสูง
ทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2568: โอกาสและความท้าทายที่รออยู่
ก้าวเข้าสู่ปี 2568 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงอยู่ในช่วงของการปรับสมดุลและแสวงหาโอกาสใหม่ๆ จากมุมมองของผม นี่คือ ภาวะเศรษฐกิจกับการลงทุนอสังหาฯ ที่สำคัญและสิ่งที่นักลงทุนและผู้ประกอบการควรจับตามอง:
ความท้าทายหลัก:
อัตราดอกเบี้ยและความเข้มงวดสินเชื่อ: แม้จะมีสัญญาณการลดดอกเบี้ยบ้าง แต่ก็อาจไม่มากพอที่จะกระตุ้นกำลังซื้อได้อย่างก้าวกระโดด ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ
หนี้ครัวเรือนและกำลังซื้อ: ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงยังคงฉุดรั้งกำลังซื้อของผู้บริโภคส่วนใหญ่ ส่งผลให้การตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ยังคงต้องใช้ความระมัดระวัง
ต้นทุนการพัฒนาที่สูงขึ้น: ราคาวัสดุก่อสร้างและค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะยังคงเป็นแรงกดดันต่ออัตรากำไรของผู้ประกอบการ
ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกและภูมิรัฐศาสตร์: ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนจากต่างชาติและการส่งออก ซึ่งมีผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของไทย
โอกาสใหม่ๆ:
โครงสร้างพื้นฐานและการขยายตัวเมือง: การลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ด้านคมนาคมของภาครัฐ เช่น รถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง จะยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการสร้าง อสังหาริมทรัพย์ทำเลทอง แห่งใหม่ และการพัฒนาเมืองรอบนอกให้คึกคัก
การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจฐานราก: หากการท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอย่างต่อเนื่อง จะช่วยฟื้นฟูธุรกิจโรงแรม อสังหาริมทรัพย์ให้เช่า และกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเมืองท่องเที่ยว
การลงทุนจากต่างชาติ: มาตรการส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ และความน่าดึงดูดของไทยในฐานะศูนย์กลางภูมิภาค อาจดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ทั้งในกลุ่มที่อยู่อาศัย โรงแรม และอุตสาหกรรม
ความต้องการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน: ผู้บริโภคและนักลงทุนจะให้ความสำคัญกับการ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างยั่งยืน มากขึ้น โครงการที่มีการออกแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีการใช้เทคโนโลยีสีเขียว จะมีแต้มต่อในการแข่งขัน
ตลาดเช่าอสังหาริมทรัพย์: ด้วยกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ตลาดเช่าที่อยู่อาศัยและอาคารสำนักงานยังคงมีศักยภาพในการเติบโต โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่และชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงาน
เทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงดิจิทัล: ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นอสังหาฯ จะเป็นปัจจัยสำคัญ ผู้ประกอบการที่นำเทคโนโลยีมาใช้ในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า การบริหารจัดการโครงการ และการทำการตลาด จะได้เปรียบ
คำแนะนำสำหรับนักลงทุนและผู้ประกอบการในปี 2568
ปี 2568 ไม่ใช่ปีสำหรับผู้ที่ยึดติดกับแนวทางเดิมๆ นี่คือปีแห่งการปรับตัวอย่างชาญฉลาดและการมองหา โอกาสลงทุนอสังหาฯ 2568 ที่ซ่อนอยู่:
เน้นความเข้าใจตลาดอย่างลึกซึ้ง: ไม่ใช่แค่รู้ว่าตลาดไปทางไหน แต่ต้องรู้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น และกำลังซื้อที่แท้จริงอยู่ที่ไหน
สร้างความแตกต่างด้วยนวัตกรรม: ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมการออกแบบ ฟังก์ชันการใช้งาน เทคโนโลยี Smart Home หรือการบริการหลังการขาย
บริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ: ในภาวะที่อัตรากำไรถูกกดดัน การควบคุมต้นทุนเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง
สร้างความยืดหยุ่นทางการเงิน: การมีสภาพคล่องที่ดี และการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนจะช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตได้ในทุกสภาวะ
ให้ความสำคัญกับ ESG (Environmental, Social, Governance): การดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม จะเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับทั้งผู้ซื้อและนักลงทุน
การปรับตัวของธุรกิจอสังหาฯ จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในระยะยาว ปี 2568 นี้ ไม่ได้เป็นเพียงปีแห่งความท้าทาย แต่ยังเป็นปีที่เต็มไปด้วยโอกาสสำหรับผู้ที่พร้อมจะเรียนรู้ ปรับตัว และมองเห็นศักยภาพที่ซ่อนอยู่
โอกาสไม่ได้มีไว้สำหรับทุกคน แต่มีไว้สำหรับผู้ที่พร้อมเสมอ!
หากท่านต้องการเจาะลึกข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ หรือต้องการคำปรึกษาเชิงกลยุทธ์เพื่อวางแผนการลงทุนและพัฒนาโครงการในปี 2568 โปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อ Property Expert ทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมที่จะให้คำแนะนำที่แม่นยำและตอบโจทย์ความต้องการของท่าน เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ความสำเร็จในโลกอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่หยุดนิ่งนี้

