กรณีมีการแชร์ภาพตำรวจสวมเสื้อชูชีพ ถืออาวุธและโล่ลักษณะคล้ายกำลังปฏิบัติการบุกค้น
28 พ.ย. 2568 พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า เป็นภาพจริงที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษแดนไทย 54 เข้าตรวจสอบอาคาร หลังรับแจ้งเหตุปล้นทรัพย์ร้านสะดวกซื้อในซอยรัตนอุทิศ 3 หรือย่านเขต 8 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เหตุเกิดเมื่อเย็นวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา

รองโฆษก ตร. กล่าวว่า เมื่อช่วงเย็นวันเกิดเหตุ ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 รับแจ้งมีคนร้าย 5 คน บุกปล้นทรัพย์ร้านสะดวกซื้อกวาดสิ่งของและทรัพย์สินไป ผู้แจ้งต้องหนีเอาตัวรอดออกมาทางหลังคา จึงประสานชุดปฏิบัติการพิเศษแดนไทย 54 ลุยฝ่าน้ำท่วมเข้าตรวจสอบพร้อมอาวุธและโล่ เมื่อเข้าไปถึงพบร้านสะดวกซื้อเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ชั้น 1 เป็นร้านค้า ชั้น 2 และ 3 เป็นที่พักอาศัย
โดยไม่ทราบว่าคนร้ายหลบซ่อนอยู่จุดใด จึงกระจายกำลังเข้าตรวจสอบพร้อมอาวุธพบว่า ในส่วนร้านค้าสิ่งของกระจัดกระจาย ชั้น 2 และชั้น 3 ขณะที่กลุ่มคนร้ายหนีไปแล้ว เมื่อสอบถามจากประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงพบว่า เห็นคนร้ายเข้าไปในร้านสะดวกซื้อและก่อเหตุจริง ซึ่งขณะนี้ฝ่ายสืบสวนกำลังติดตามตัว
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ฯ กล่าวว่า สำหรับชุดปฏิบัติการพิเศษแดนไทย 54 เดินทางมาจาก จ.ยะลา มาปฏิบัติภารกิจช่วยเหลืออพยพและแจกจ่ายอาหารให้ประชาชนในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ ตั้งแต่เกิดอุทกภัยโดยอยู่ภายในเมืองหาดใหญ่ แต่เมื่อมีกระแสเหตุการณ์ในพื้นที่เขต 8 ตำรวจภูธรภาค 9 จึงวางกำลังให้ชุดปฏิบัติการพิเศษแดนไทย ย้ายมาช่วยเหลือประชาชน พร้อมดูแลความปลอดภัย

ถอดรหัสอนาคต: เจาะลึกตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย 2568 พร้อมกลยุทธ์พิชิตความสำเร็จในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง
ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยมากว่าทศวรรษ ผมได้เห็นการพลิกผันและวิวัฒนาการของตลาดมาหลายต่อหลายครั้ง ปี 2568 นี้ ไม่ได้เป็นเพียงการก้าวเข้าสู่ปีใหม่ แต่เป็นการเปิดฉากยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาสอันไร้ขีดจำกัด หากมองย้อนกลับไป ช่วงปี 2566-2567 ถือเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับผู้ประกอบการหลายราย ตลาดที่คาดว่าจะฟื้นตัวกลับต้องเผชิญกับแรงกดดันจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ความผันผวนทางการเมือง และต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้หลายบริษัทต้องปรับตัวกันอย่างหนักหน่วง ทว่า ในวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ สำหรับปี 2568 นี้ เรากำลังจะได้เห็นภูมิทัศน์ของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดยมีปัจจัยเชิงมหภาคและจุลภาคหลายประการที่เข้ามาขับเคลื่อนกลไกตลาด และผู้ที่เข้าใจ เข้าถึง และพร้อมปรับใช้กลยุทธ์ที่ล้ำหน้าเท่านั้นที่จะสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้ชนะตัวจริง
ภูมิทัศน์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย 2568: ปัจจัยขับเคลื่อนและแรงกดดัน
ปี 2568 นี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงเผชิญกับปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ซับซ้อน แม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนอย่างต่อเนื่อง แต่ภาพรวมของ อัตราดอกเบี้ย ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง เพื่อควบคุมภาวะ เงินเฟ้อ ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการและผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อ อำนาจซื้อ ของผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มที่ต้องการ สินเชื่อที่อยู่อาศัย และเป็นความท้าทายที่สำคัญในการผลักดันยอดขายโครงการใหม่ๆ
อย่างไรก็ตาม แสงสว่างปลายอุโมงค์ที่เริ่มเห็นชัดเจนขึ้นคือการฟื้นตัวของ ภาคการท่องเที่ยว และการกลับมาของ นักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มชาวจีน รัสเซีย และยุโรปบางส่วนที่มองหา อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนระยะยาว หรือที่อยู่อาศัยรองในประเทศไทย ความต้องการที่อยู่อาศัยในเมืองท่องเที่ยวหลักๆ อย่างกรุงเทพฯ ภูเก็ต และพัทยา มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสทองสำหรับผู้พัฒนา คอนโดมิเนียมหรู และ บ้านเดี่ยวราคาแพง ในทำเลศักยภาพ นอกจากนี้ การลงทุนใน โครงสร้างพื้นฐาน ของภาครัฐ เช่น โครงข่ายรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ ยังคงเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับ ที่ดินเพื่อการพาณิชย์ และ โครงการที่อยู่อาศัย ที่อยู่ในแนวเส้นทาง ทำให้เกิดการขยายตัวของเมืองและเป็นโอกาสในการ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รูปแบบใหม่ๆ
แต่กระนั้น การแข่งขันในตลาดก็ดุเดือดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีความพร้อมด้านเงินทุนและที่ดินในมือ ยังคงเป็นหัวหอกในการขับเคลื่อนตลาด แต่ผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็กจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ที่เฉียบคมและแตกต่างเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด การปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งหันมาให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนมากขึ้น เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
การวิเคราะห์ผลประกอบการ: บทเรียนจากอดีตสู่กลยุทธ์แห่งอนาคต
หากย้อนพิจารณาข้อมูลจากการเก็บรวบรวมของ Property Mentor ในช่วงปี 2566 จาก 41 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ แม้รายได้รวมทั้งอุตสาหกรรมจะลดลงเพียงเล็กน้อย (-1.2%) แต่ตัวเลขที่น่าสนใจคือมีถึง 25 บริษัทที่รายได้รวมลดลง และที่น่าตกใจคือบางบริษัทประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่องมาหลายปี สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่ไม่ใช่แค่ภาวะชะลอตัวชั่วคราว แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานของตลาดที่ผู้ประกอบการต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเพื่อวาง กลยุทธ์อสังหา ในปี 2568
รายได้รวม: วัดพลังทุนและการปรับตัว
ในปี 2566 บริษัทอสังหาฯ รวม 41 แห่งทำรายได้รวมกว่า 371,560 ล้านบาท ตัวเลขนี้แม้ดูไม่เลวร้ายนัก แต่เมื่อเจาะลึกลงไปในแต่ละบริษัท เราจะพบว่ามีผู้ที่เผชิญกับรายได้รวมติดลบในระดับที่น่าเป็นห่วง เช่น แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์, อีสเทิร์น สตาร์ เรียล เอสเตท, คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ ที่ติดลบราว -28% รวมถึงไรมอน แลนด์ (-26%), ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ (-23%), เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (-22%) และไซมิส แอสเสท (-21%) แม้แต่บริษัทชั้นนำอย่างแลนด์แอนด์เฮ้าส์ก็ยังเผชิญกับรายได้รวมที่ลดลงถึง 18% ขณะที่ผู้เล่นใน Top 10 รายได้สูงสุดอย่าง เอพี (ไทยแลนด์), ศุภาลัย, พฤกษา โฮลดิ้ง และออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ก็มีรายได้รวมลดลงเช่นกัน สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน
แต่ก็มีผู้ที่โดดเด่นสวนกระแส โดยเฉพาะ แสนสิริ ที่ก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ด้วยรายได้รวม 39,082 ล้านบาท เติบโตถึง 12% ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่างเอพี (ไทยแลนด์) ที่ 38,399 ล้านบาท สิ่งเหล่านี้บ่งชี้ว่า การมีรายได้ที่แข็งแกร่ง ไม่ได้มาจากปัจจัยภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจาก ความสามารถในการปรับตัว, กลยุทธ์การตลาดที่เข้าถึงผู้บริโภค และ การพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด ที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการในปี 2568 ต้องเรียนรู้
กลยุทธ์สำหรับปี 2568 ในมิติของรายได้:
การกระจายความเสี่ยงและแหล่งรายได้ (Diversification of Income Streams): ในปี 2568 การพึ่งพารายได้จากการขายโครงการที่อยู่อาศัยเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ บริษัทชั้นนำหลายแห่งเริ่มหันมาพัฒนา โครงการมิกซ์ยูส (Mixed-Use Projects) ที่รวมที่อยู่อาศัย ออฟฟิศค้าปลีก และโรงแรมเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างรายได้ที่หลากหลายและสม่ำเสมอ หรือแม้แต่การลงทุนใน อสังหาเพื่อเช่า (เช่น เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ออฟฟิศให้เช่า) และ อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ เช่น ศูนย์การค้า หรือโกดังคลังสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โกดังคลังสินค้าเพื่อรองรับ E-commerce Logistics ที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ถือเป็น โอกาสการลงทุนอสังหา ที่น่าจับตา
การปรับพอร์ตสินค้าให้สอดรับกับความต้องการ: การศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างละเอียดจะช่วยให้ผู้ประกอบการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยวขนาดเล็กราคาเข้าถึงได้ คอนโดมิเนียมที่เน้นพื้นที่ใช้สอยและฟังก์ชันการทำงานที่ยืดหยุ่น หรือที่อยู่อาศัยสำหรับสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ที่สำคัญ
รายได้จากการขาย: หัวใจของการดำเนินธุรกิจ
หากจะวัดผลงานที่แท้จริงของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เราต้องพิจารณาที่ รายได้จากการขาย เป็นหลัก เพราะเป็นตัวชี้วัดความสามารถในการสร้างและส่งมอบมูลค่าให้กับลูกค้าโดยตรง ในปี 2566 รายได้จากการขายรวมของ 41 บริษัทลดลงถึง -11% เมื่อเทียบกับปี 2565 โดยมีถึง 30 บริษัทที่ยอดขายลดลงอย่างน่าเป็นห่วง ตัวอย่างเช่น ไรมอน แลนด์ ที่รายได้จากการขายตกฮวบถึง -78%, แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ ลดลงเกือบ -40% และแม้แต่แลนด์แอนด์เฮ้าส์เองก็ลดลงถึง -38% สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าสภาพตลาดในช่วงนั้นสร้างแรงกดดันอย่างมหาศาลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค
ในขณะที่ เอพี (ไทยแลนด์) ยังคงยืนหนึ่งด้านยอดขาย ด้วยรายได้ 36,927 ล้านบาท แม้จะลดลงเล็กน้อยที่ -2% แต่ยังคงเป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง ตามมาด้วยแสนสิริ ที่ 32,829 ล้านบาท โดยแสนสิริเป็นหนึ่งในสองบริษัท (อีกแห่งคือ SC Asset) ที่มีรายได้จากการขายเติบโตถึง 7% สะท้อนถึงการปรับกลยุทธ์การขายและทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ เซ็นทรัลพัฒนา ก็เป็นอีกหนึ่งดาวรุ่งที่น่าจับตา ด้วยรายได้จากการขายที่เติบโตถึง 103% ในปี 2566 มาจากกลยุทธ์การรุกพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ควบคู่ไปกับโครงการค้าปลีก
กลยุทธ์การขายสำหรับปี 2568:
นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ (Product Innovation): การนำเสนอดีไซน์ ฟังก์ชัน และเทคโนโลยีที่แตกต่าง จะเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดลูกค้า ผู้ประกอบการควรเน้นการสร้าง “ประสบการณ์” มากกว่าแค่ “พื้นที่” เช่น บ้านอัจฉริยะ (Smart Home), โครงการที่เน้นพื้นที่สีเขียวและการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน, หรือการออกแบบที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เฉพาะกลุ่ม
การตลาดดิจิทัลและ PropTech (Digital Marketing & PropTech): ในยุค 2025 การใช้แพลตฟอร์มออนไลน์และเทคโนโลยี PropTech (Property Technology) เป็นสิ่งจำเป็น ตั้งแต่การใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า, VR/AR สำหรับการชมโครงการแบบเสมือนจริง, ไปจนถึง Blockchain สำหรับการทำธุรกรรม การเข้าถึงลูกค้าผ่านช่องทางดิจิทัลที่หลากหลายและสร้างประสบการณ์การซื้อที่ราบรื่น จะเป็นกุญแจสำคัญ
การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationship Management): การรักษาฐานลูกค้าเก่าและการสร้างความภักดีเป็นสิ่งที่มีค่า การให้บริการหลังการขายที่ดี การสร้างคอมมูนิตี้ในโครงการ และการเสนอสิทธิพิเศษเฉพาะ จะช่วยสร้างความแตกต่างและยอดขายในระยะยาว
การเข้าถึงผู้ซื้อต่างชาติ (Foreign Buyers): ด้วยการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจโลก ผู้ประกอบการควรมีกลยุทธ์เฉพาะในการดึงดูดผู้ซื้อจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือกับเอเย่นต์ต่างชาติ การจัดแคมเปญส่งเสริมการขาย หรือการเสนอเงื่อนไขที่น่าสนใจสำหรับ นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ข้ามชาติ
กำไรสุทธิ: มาตรวัดความสำเร็จที่แท้จริง
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าใครจะมียอดขายหรือรายได้รวมสูงเพียงใด แต่ถ้าไม่มี กำไรสุทธิ เข้ากระเป๋า ก็ไม่อาจถือว่าเป็นผู้ชนะที่แท้จริง ในปี 2566 ทั้ง 41 บริษัททำกำไรสุทธิรวมกันได้ 44,165 ล้านบาท ลดลง -11% จากปีก่อน และที่น่าเป็นห่วงคือมีถึง 12 บริษัทที่ผลประกอบการขาดทุน ซึ่งบางรายขาดทุนต่อเนื่องมานาน และกว่า 20 บริษัทจากทั้งหมดที่กำไรลดลง ตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายในการบริหารจัดการต้นทุนและการสร้างมูลค่าเพิ่ม
แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ยังคงครองแชมป์กำไรสูงสุดถึง 7,495 ล้านบาท แม้รายได้รวมจะลดลงอย่างมาก ส่วนหนึ่งมาจากกลยุทธ์การขายสินทรัพย์เข้ากองทุน ซึ่งเป็นวิธีการสร้างกำไรเฉพาะกิจที่น่าสนใจแต่ไม่ใช่รูปแบบที่ยั่งยืนเสมอไป อันดับ 2 คือ ศุภาลัย ที่ทำกำไรได้ 6,083 ล้านบาท ตามมาด้วย เอพี (ไทยแลนด์) ที่ 6,054 ล้านบาท และ แสนสิริ ที่มีกำไรสุทธิ 5,846 ล้านบาท เติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 42% สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าการเติบโตของกำไร ไม่ได้มาจากแค่ยอดขายเท่านั้น แต่มาจากการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีเยี่ยม, ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน, และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการ
กลยุทธ์การเพิ่มกำไรสุทธิสำหรับปี 2568:
การบริหารจัดการต้นทุนและประสิทธิภาพการดำเนินงาน (Cost Management & Operational Efficiency): นี่คือหัวใจสำคัญในการสร้างกำไร ผู้ประกอบการต้องทบทวนกระบวนการทำงาน ลดความซับซ้อน นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดการสูญเสีย และควบคุม ต้นทุนการก่อสร้าง ที่เพิ่มสูงขึ้น
การบริหารจัดการที่ดิน (Land Bank Management): การมี แลนด์แบงก์ ในทำเลที่เหมาะสมและราคาที่สามารถพัฒนาได้คุ้มค่าเป็นสิ่งสำคัญ การซื้อที่ดินที่ถูกเกินไปแต่ไม่มีศักยภาพในการพัฒนา หรือซื้อที่ดินแพงเกินไปจะส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรโดยตรง การวิเคราะห์ที่ดินอย่างรอบคอบและวางแผนการพัฒนาอย่างเป็นระบบคือกุญแจ
การสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Creation): การทำให้โครงการมีมูลค่าเหนือกว่าคู่แข่ง เช่น การนำเสนอแนวคิด ความยั่งยืนในอสังหาฯ (Sustainable Real Estate) การออกแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานทางเลือก หรือการสร้างพื้นที่ส่วนกลางที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคใหม่ จะช่วยให้สามารถตั้งราคาขายที่สูงขึ้นและเพิ่มอัตรากำไรได้
กลยุทธ์การตลาดและแบรนด์ดิ้ง (Marketing & Branding): การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ แบรนด์ที่ได้รับการยอมรับสามารถเรียกราคาได้สูงกว่า และสร้างความภักดีของลูกค้าในระยะยาว การลงทุนในการสร้างแบรนด์จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
ผู้เล่นหลักและกลยุทธ์ในปี 2568:
ผู้นำตลาด: บริษัทอย่าง แสนสิริ และ เอพี (ไทยแลนด์) ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นผู้นำทั้งในด้านรายได้และการขาย จะยังคงมุ่งเน้นการขยายพอร์ตสินค้าให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ พร้อมทั้งนำ นวัตกรรมอสังหาริมทรัพย์ และเทคโนโลยีเข้ามาปรับปรุงกระบวนการทำงานและประสบการณ์ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พวกเขามีความพร้อมในการคว้าโอกาสจาก การฟื้นตัวอสังหาริมทรัพย์ และการกลับมาของกำลังซื้อ
ผู้ที่เน้นกำไร: แลนด์แอนด์เฮ้าส์ และ ศุภาลัย ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านการบริหารจัดการต้นทุนและการสร้างกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ จะยังคงยึดมั่นในกลยุทธ์ที่ระมัดระวัง เน้นโครงการที่มีความเสี่ยงต่ำและมีอัตรากำไรที่ดี พร้อมทั้งอาจพิจารณาการขายสินทรัพย์ที่ไม่ได้เป็นธุรกิจหลักเพื่อสร้างกำไรพิเศษ
ดาวรุ่งพุ่งแรง: เซ็นทรัลพัฒนา ด้วยกลยุทธ์ โครงการมิกซ์ยูส ที่แข็งแกร่งและการผสานธุรกิจค้าปลีกเข้ากับอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย จะยังคงเป็นผู้เล่นที่น่าจับตา พวกเขามีศักยภาพในการสร้างแหล่งรายได้ที่มั่นคงและเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ผู้ที่กำลังปรับตัว: บริษัทที่เคยมีรายได้หรือกำไรลดลงอย่างมีนัยสำคัญในปี 2566-2567 เช่น LPN, Raimon Land อาจต้องใช้กลยุทธ์ที่พลิกโฉมอย่างสิ้นเชิง เช่น การปรับโครงสร้างองค์กร, การขายสินทรัพย์ที่ไม่ได้สร้างผลกำไร, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่แตกต่าง หรือการหาพันธมิตรเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง สิ่งเหล่านี้คือโอกาสในการเรียนรู้และปรับตัวเพื่อความอยู่รอดใน ภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่เปลี่ยนแปลงไป
เทรนด์สำคัญและสิ่งที่จะพลิกโฉมตลาด 2568:
PropTech และ Digitization: การใช้เทคโนโลยี AI, Big Data ในการวิเคราะห์ตลาด, ระบบ Automation ในการจัดการอาคาร, และแพลตฟอร์มการซื้อขายอสังหาฯ ออนไลน์ จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ ผู้ที่ไม่ปรับตัวจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
Sustainability และ ESG: ผู้บริโภคและนักลงทุนหันมาให้ความสำคัญกับ ความยั่งยืนในอสังหาฯ มากขึ้น โครงการที่เน้นการออกแบบสีเขียว การใช้พลังงานหมุนเวียน การบริหารจัดการน้ำและของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ จะได้รับความสนใจและสร้างมูลค่าระยะยาว
Well-being และ Healthy Living: การออกแบบที่อยู่อาศัยที่ส่งเสริมสุขภาพกายและใจ ทั้งพื้นที่ส่วนกลาง ฟังก์ชันภายในบ้าน และสภาพแวดล้อมโดยรอบ จะเป็นจุดขายสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุและครอบครัวที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต
Flexible Spaces และ Hybrid Living: การทำงานแบบไฮบริดทำให้เกิดความต้องการพื้นที่อยู่อาศัยที่ยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนเป็นโฮมออฟฟิศ หรือมีพื้นที่ส่วนกลางที่รองรับกิจกรรมที่หลากหลาย
การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน: เมกะโปรเจกต์ของรัฐบาล โดยเฉพาะรถไฟฟ้าและโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ยังคงเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อน ตลาดอสังหาริมทรัพย์ 2568 ให้ขยายตัวไปในพื้นที่ใหม่ๆ
เส้นทางข้างหน้า: พิชิตความท้าทายในตลาดอสังหาริมทรัพย์ 2568
ปี 2568 จะเป็นปีที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต้องใช้ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ และวิสัยทัศน์ที่เฉียบคมยิ่งกว่าที่เคย ความสามารถในการ วิเคราะห์ตลาดอสังหา อย่างลึกซึ้ง การปรับตัวอย่างรวดเร็ว การสร้างสรรค์นวัตกรรม และการบริหารจัดการองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จ ผู้ชนะในยุคนี้ไม่ใช่แค่ผู้ที่มีเงินทุนมากที่สุด แต่คือผู้ที่เข้าใจตลาด เข้าใจลูกค้า และกล้าที่จะแตกต่าง
สำหรับ นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ และผู้ที่กำลังมองหาโอกาสใน ตลาดที่อยู่อาศัย ปี 2568 ยังคงมีทางเลือกที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่อยู่อาศัยในทำเลศักยภาพที่ได้รับอานิสงส์จากโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ คอนโดมิเนียมหรู ในใจกลางเมืองที่ตอบรับกำลังซื้อต่างชาติ หรือแม้แต่ อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ ที่รองรับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล สิ่งสำคัญคือการศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ
อนาคตของอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2568 ไม่ได้ขึ้นอยู่กับโชคชะตา แต่ขึ้นอยู่กับการเตรียมพร้อมและกล้าที่จะลงมือทำ เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดอย่างแท้จริง มาร่วมกันสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ในโลกอสังหาริมทรัพย์ไปด้วยกัน!

